“อีสุกอีใส” ภัยร้าย อย่าชะล่าใจ อันตรายถึงชีวิต

29 ส.ค. 2565 | 18:10 น.
อัปเดตล่าสุด :30 ส.ค. 2565 | 01:13 น.
1.1 k

“อีสุกอีใส” โรคไข้ออกผื่น จากเชื้อไวรัสวาริเซลลา คล้ายไข้หวัด ผื่นตุ่มน้ำใส ชี้เด็กป่วน อาจแทรกซ้อนทางปอดและสมอง อันตรายอาจถึงชีวิต

นายแพทย์วีรวุฒิ อิ่มสำราญ รองอธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า สาเหตุของโรคอีสุกอีใส เกิดจากเชื้อไวรัส ที่มีชื่อว่า ไวรัสวาริเซลลา (varicella virus)  เป็นเชื้อไวรัสชนิดเดียวกับที่ทำให้เกิดงูสวัด โรคอีสุกอีใสจะมีอาการไข้ ปวดเมื่อยตามเนื้อตัวคล้ายไข้หวัดและผื่นตุ่มน้ำใสที่ผิวหนัง ไข้จะสูงหรือน้อยและตุ่มจะมีจำนวนมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับอายุ เด็กจะมีเพียงไข้ต่ำๆ และมีตุ่มจำนวนน้อย

 

ขณะที่เด็กโตและผู้ใหญ่ มักมีไข้สูงและตุ่มจำนวนมาก ผื่นในโรคอีสุกอีใส มีลักษณะเฉพาะคือ ผื่นจะเริ่มจากตุ่มแดง กลายเป็นตุ่มใส และแตกออก เป็นสะเก็ด เมื่อผื่นขึ้นแล้ว 2-3 วัน จะเห็นตุ่มหลายชนิดในเวลาเดียวกัน  ส่วนใหญ่ผื่นจะขึ้นที่ลำตัวและใบหน้ามากกว่าแขนขา เด็กที่ป่วยเป็นอีสุกอีใส จะมีอาการ ไม่รุนแรง และพบภาวะแทรกซ้อนทางปอด และทางสมองได้น้อยกว่าผู้ป่วยเด็กโตอายุมากกว่าหรือเท่ากับ 13 ปี และผู้ใหญ่

นายแพทย์วีรวุฒิ อิ่มสำราญ

แต่พบการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อนที่ผิวหนังได้บ่อย ทำให้เกิดแผลเป็นที่ผิวหนังและอาจถึงขึ้นทำให้เกิดการติดเชื้อในกระแสเลือดตามมา โรคอีสุกอีกใส สามารถแพร่กระจาย ไปยังผู้อื่นได้ง่ายมาก เพราะเชื้ออยู่ในอากาศได้เป็นเวลานานและผู้ป่วยอีสุกอีใสสามารถแพร่กระจายเชื้อไปยัง คนอื่นได้หลายวัน ตั้งแต่ 1-2 วัน ก่อนมีไข้และผื่น จนถึงเมื่อตุ่มสุดท้ายตกสะเก็ด หรือประมาณ 7 วัน หลังจากผู้ป่วยเริ่มมีอาการ

 

ด้านนายแพทย์อดิศัย ภัตตาตั้ง ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กล่าวว่า โรคอีสุกอีใส เป็นโรคที่หายเองได้ อาจจะมีไข้เพียงไม่กี่วัน ส่วนตุ่มจะตกสะเก็ดและค่อยๆ หายใน 1-3 สัปดาห์ ผู้ป่วยจึงควรพักผ่อนให้เพียงพอ และดื่มน้ำมากๆ ถ้ามีไข้สูงใช้ยา เพื่อลดไข้ได้ ไม่ควรใช้ แอสไพริน เพราะอาจทำให้เกิดอาการทางสมองและตับ ทำให้ถึงตายได้

“อีสุกอีใส” ภัยร้าย อย่าชะล่าใจ อันตรายถึงชีวิต ควรอาบน้ำและใช้สบู่ฟอกผิวหนังให้สะอาด ควรตัดเล็บให้สั้นและหลีกเลี่ยงการแกะเกา เพราะอาจทำให้ติดเชื้อได้ ในรายที่คันมากๆ อาจให้ยาแก้คันช่วยลดอาการคัน การป้องกันโรคอีสุกอีใสเป็นเรื่องยาก เพราะผู้ป่วยสามารถแพร่เชื้อไวรัสอีสุกอีใสให้ผู้อื่นได้ตั้งแต่ช่วงออกอาการไข้ไปจนถึงช่วงแผลแห้งตกสะเก็ด

 

ดังนั้นทางป้องกันคือ ถ้าบุตรหลานป่วยเป็นอีสุกอีใส ต้องงดไปโรงเรียน ป้องกันไม่ให้แพร่เชื้อให้คนอื่น และการฉีดวัคซีนอีสุกอีใส ซึ่งเป็นวัคซีนทางเลือกสำหรับเด็ก 1 ปีขึ้นไป