แม็คโคร ปั้นแพลทฟอร์ม B2B Marketplace หนุนอุตสาหกรรมอาหาร-ท่องเที่ยว

19 เม.ย. 2565 | 15:27 น.
อัปเดตล่าสุด :19 เม.ย. 2565 | 22:30 น.

“แม็คโคร” ปั้น ‘maknet’ แอปพลิเคชัน ศูนย์กลางตลาดค้าส่งออนไลน์ เพื่อผู้ประกอบการอาหารและการท่องเที่ยว หวังผลักดันสู่แพลตฟอร์ม B2B Marketplace อันดับ 1 ไทย

นายริคาร์โด้ เบารอตโต้ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หน่วยธุรกิจแม็คโครประเทศไทย เปิดเผยว่า ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา แม็คโครมีอัตราส่วนยอดขายผ่านช่องทาง Omni Channel เติบโตเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว ประกอบกับภาพรวมของธุรกิจโฮเรก้า ที่คาดว่าจะมีแนวโน้มการฟื้นตัวอย่างชัดเจน จากการผ่อนคลายมาตรการป้องกันโควิด-19 และนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่เข้ามาส่งเสริม บริษัทจึงเปิดตัว ‘maknet’ B2B Marketplace เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้ประกอบการในรูปแบบ End to End Solution จับมือเครือข่ายพันธมิตรทางการค้าและผู้ผลิตรายย่อยหรือเอสเอ็มอีกว่า 5,000 ราย  นำเสนอสินค้าและบริการครบวงจร ในราคาที่คุ้มค่า 

 

"เราเชื่อมั่นว่า ‘maknet’ จะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยสนับสนุนอุตสาหกรรมอาหารและการท่องเที่ยวรวมถึงเศรษฐกิจไทยโดยรวม และจะเป็น ‘New S-Curve’ ที่สร้างการเติบโตให้กับธุรกิจแม็คโคร และก้าวสู่การเป็น B2B Marketplace อันดับ 1 ของประเทศได้อย่างแน่นอน"

ด้าน นายจักรกฤษณ์ จตุปัญญาโชติกุล ผู้อำนวยการ ฝ่ายธุรกิจดิจิทัล บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า เรามุ่งมั่นในการพัฒนา ‘maknet’ ให้เป็นตลาดค้าส่งออนไลน์ที่เป็นศูนย์กลางให้ผู้ประกอบการโฮเรก้าได้เข้ามาซื้อขายและใช้บริการอย่างครบวงจร ไม่ว่าจะเริ่มเปิดธุรกิจ หรือต้องการขยายธุรกิจเพิ่มเติม ผ่านกลยุทธ์ End to End Solution

 

  • ครอบคลุมสินค้าที่หลากหลาย ครบทุกความต้องการ จบได้ในที่เดียว
  • มีบริการอื่นๆ ที่ผู้ประกอบการต้องการเพื่อทำธุรกิจแบบครบวงจร
  • เป็นแพลตฟอร์มที่เน้นสร้างความสะดวกและประสบการณ์ที่ดี สินค้าคุณภาพ ผู้ซื้อสามารถกำหนดวันรับสินค้าได้ล่วงหน้า ด้วยรูปแบบการชำระเงินที่หลากหลาย

สำหรับแผนการพัฒนา ‘maknet’ B2B Marketplace ในปี 2565 นี้ ตั้งเป้าหมายฐานลูกค้า 50,000 รายภายในสิ้นปี และเพิ่มขึ้นเป็น 500,000 รายภายใน 3 ปีข้างหน้า ซึ่งปัจจุบัน ‘maknet’ นำเสนอสินค้าและบริการมากกว่า 30,000 รายการ จากทั้งแม็คโคร ผู้ผลิตแบรนด์ชั้นนำ และผู้ผลิตสินค้ารายย่อยหรือเอสเอ็มอี ครอบคลุมทุกกลุ่มสินค้าที่ผู้ประกอบการต้องการ อาทิ กลุ่มอาหารสด อาหารแห้งบรรจุภัณฑ์ต่างๆ ตลอดจนอุปกรณ์และบริการสำหรับธุรกิจโฮเรก้า 

 

สิ้นปี 2565 คาดว่าจะขยายสินค้าและบริการเพิ่มเป็น 100,000 รายการ รวมถึงมีสิทธิพิเศษสำหรับผู้ประกอบการที่เข้ามาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง