ไมเนอร์ฯซื้อกิจการร้านอาหารดังในลอนดอน ขยายธุรกิจอาหารในต่างประเทศ

08 เม.ย. 2565 | 15:51 น.
อัปเดตล่าสุด :08 เม.ย. 2565 | 23:06 น.
1.1 k

ไมเนอร์ฯซื้อกิจการร้านอาหารดังในลอนดอน เข้าถือหุ้นในบริษัท คอร์บิน แอนด์ คิง เพิ่มเป็น 100% รับแผนขยายการลงทุนและขยายเครือร้านอาหารของแบรนด์ที่มีชื่อเสียง อย่างยั่งยืนของบริษัทในสหราชอาณาจักรและประเทศอื่นๆ รองรับการเติบโตธุรกิจอาหารในระยะยาว

วันนี้ (8 เมษายน 2566)  บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ("MINT") ประกาศว่าผู้ร่วมบริหารจัดการของบริษัท คอร์บิน แอนด์ คิง จำกัด ได้ตัดสินให้ข้อเสนอของ MINT เป็นผู้ชนะในการประมูลรอบสุดท้ายของบริษัท ซึ่ง MINT เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัท คอร์บิน แอนด์ คิง จำกัดอยู่เดิมแล้ว โดยถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 74 และดำรงตำแหน่งคณะกรรมการควบคุมในบริษัทมาตั้งแต่ปี 2560 ทั้งนี้ การเข้าซื้อสินทรัพย์และธุรกิจของคอร์บิน แอนด์ คิง ในสัดส่วนร้อยละ 100 แสดงให้เห็นถึงกลยุทธ์ระยะยาวของ MINT ในการลงทุนและขยายเครือร้านอาหารของแบรนด์ที่มีชื่อเสียง อย่างยั่งยืนของบริษัทในสหราชอาณาจักรและประเทศอื่นๆ

 

ร้านอาหารในเครือคอร์บิน แอนด์ คิง

ในปัจจุบัน คอร์บิน แอนด์ คิง ดำเนินกิจการร้านอาหารชั้นนำในกรุงลอนดอน ได้แก่ The Wolseley, Brasserie Zédel, The Delaunay, The Delaunay Counter, Colbert, Fischer’s, Bellanger, Soutine และ Café Wolseley ณ แหล่งร้านค้าสุดหรู Bicester Village ในเมืองอ็อกซ์ฟอร์ด โดย MINT มุ่งมั่นที่จะรักษาความเป็นมาของร้านอาหารทั้งหมดในเครือคอร์บิน แอนด์ คิง และจะดำเนินการเพื่อให้มั่นใจในความต่อเนื่องของการดำเนินธุรกิจตลอดจนสร้างความแข็งแกร่งในธุรกิจเพื่อความมั่นคงทางด้านงบดุลและด้านการเงินของบริษัท

 

คอร์บิน แอนด์ คิง

 

โดยกลยุทธ์ทางการขายที่เป็นไปได้และยั่งยืนจะยังคงจะใช้ต่อไป ในขณะที่แผนการเติบโตจะพิจารณาโดยคำนึงถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมดร่วมกับทีมผู้นำ อย่างไรก็ตาม MINT ทราบดีว่าความสามารถของพนักงานทุกคนของคอร์บิน แอนด์ คิงเป็นหนึ่งในปัจจัยความสำเร็จของธุรกิจที่สำคัญ และจะให้การสนับสนุนสมาชิกในทีมทุกคนต่อไป ทั้งนี้ แม้ว่าร้านอาหารในเครือคอร์บิน แอนด์ คิงทั้งหมดมีศักยภาพในการเติบโต แต่ในช่วงแรก MINT จะให้ความสำคัญในการเริ่มพัฒนาร้านใหม่ 3 แห่งในสหราชอาณาจักร

 

ร้านอาหารในเครือคอร์บิน แอนด์ คิง

 

MINTมีการดำเนินงานทั้งในสหราชอาณาจักรและอีกหลายประเทศทั่วโลก ในฐานะเจ้าของ ผู้ประกอบการ และหุ้นส่วนร่วมทุนของร้านอาหารมากกว่า 3,300 สาขา โดยนอกเหนือจากกลุ่มร้านอาหารในเครือคอร์บิน แอนด์ คิงแล้ว MINT ยังมีการลงทุนในแบรนด์ภัทรา ซึ่งเป็นร้านอาหารร่วมสมัยระดับบน เบนิฮานา ซึ่งเป็นสเต็กเฮาส์สไตล์ญี่ปุ่นที่เปิดประสบการณ์การรับประทานที่สนุกสนานให้กับลูกค้า แบรนด์อื่นๆ ที่เป็นที่ยอมรับ เช่น ซูม่า, เทรเดอร์ วิคส์ ในประเทศไทย และร้านอาหารระดับมิชลินหลายแห่งทั่วทวีปยุโรป รวมถึงโรงแรมเอ็น เอชและนาวในกรุงลอนดอน

 

นายวิลเลียม เอ็ลล์วู๊ด ไฮเน็ค ประธานกรรมการและผู้ก่อตั้ง MINT กล่าวว่า เรามีความเคารพอย่างสูงสุดต่อสิ่งที่ผู้ร่วมก่อตั้งและทีมงานได้สร้างขึ้น และเรามุ่งมั่นที่จะรักษาสิ่งเหล่านี้ไว้ เราจะปกป้องและรักษาเอกลักษณ์ของร้านอาหารแต่ละแห่งและไม่มีแผนที่จะขยายสาขาในรูปแบบแฟรนไชส์ ร้านอาหารทุกแห่งได้เปิดให้บริการตามปกติและพนักงานทุกคนยังคงมุ่งมั่นให้การต้อนรับลูกค้าอย่างเต็มที่

 

วิลเลียม เอ็ลล์วู๊ด ไฮเน็ค

 

ทั้งนี้ในด้านของกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจในอนาคต ความมั่นคงและความต่อเนื่องทางธุรกิจจะเป็นเป้าหมายสูงสุดของเรา ในขณะที่เราจะมีการต่อยอดจากจากรากฐานการดำเนินงานที่แข็งแกร่งที่มีอยู่เดิมเพื่อผลักดันการเติบโตของธุรกิจต่อไป” นายวิลเลียมกล่าวเพิ่มเติมว่า “เรามุ่งมั่นให้การสนับสนุนทีมงานที่โดดเด่นกว่า 700 คนที่คอร์บิน แอนด์ คิง และจะทำงานอย่างใกล้ชิดกับทุกคนเพื่อผลักดันการดำเนินงานที่โด่ดเด่นของร้านอาหารต่อไป อย่างไรก็ตาม เป้าหมายหลักของเรายังคงไม่เปลี่ยนแปลง: เพื่อให้มั่นใจว่าธุรกิจทั้งหมดจะประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืนและสร้างอนาคตที่น่าตื่นเต้นต่อไป

 

อนึ่งก่อนหน้านี้ไมเนอร์ กรุ๊ป เดิมถือหุ้นอยู่ในบริษัท คอร์บิน แอนด์ คิง จำกัด อยู่ที่ 74% ล่าสุดได้ซื้อหุ้นเพิ่มอีก 26%  ส่งผลให้การเข้าซื้อสินทรัพย์และธุรกิจของคอร์บิน แอนด์ คิง ในครั้งนี้ ทำให้ไมเนอร์ ถือหุ้นเพิ่มเป็น 100%