ไลอ้อน ก้าวสู่ยุค "เมตาเวิร์ส" ประเดิมตลาดด้วยSmart packaging

25 มี.ค. 2565 | 14:28 น.
อัปเดตล่าสุด :25 มี.ค. 2565 | 21:51 น.

ไลอ้อน ประเทศไทย เดินหน้ายกระดับนวัตกรรมสู่ยุคเมตาเวิร์ส ประเดิมบรรจุภัณฑ์อัจฉริยะ ลุยทำตลาดสินค้านวัตกรรม-รุกออนไลน์เจาะผู้บริโภคยุคดิจิตอล ดันยอดขายทั้งปีเติบโตไม่เกิน 5%

ผู้บริหาร  ไลอ้อน ประกาศเดินหน้าสู่แนวทางของโลกเสมือนจริง ผ่านโครงการ Lion Metaverse โดยเริ่มต้นจากการจัดทำบรรจุภัณฑ์อัจฉริยะ (Smart packaging) ซึ่งผู้บริโภคสามารถใช้โทรศัพท์สมาร์ทโฟนสแกนคิวอาร์โค้ดที่ตัวบรรจุภัณฑ์ การออกแบบบรรจุภัณฑ์นอกเหนือจากจะต้องคำนึงถึงการใช้งานและความสวยงามแล้ว ข้อมูลและรายละเอียดของสินค้าก็เป็นสิ่งสำคัญ

 

ซึ่งเทคโนโลยี Smart Packaging จะทำให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงข้อมูลรายละเอียดของผลิตภัณฑ์ ได้ง่าย สะดวก และรวดเร็วมากยิ่งขึ้น และยังทำให้ผู้บริโภคสามารถตรวจสอบย้อนกลับผลิตภัณฑ์ได้อีกด้วย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาข้อมูลพร้อมวางแผนการดำเนินงาน โดยคาดว่าภายใน 2-3 เดือน จะได้เห็นรายละเอียดที่ชัดเจนของโครงการนี้มากขึ้น

นายบุญฤทธิ์ มหามนตรี ประธานกรรมการ บริษัท ไลอ้อน (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยถึงทิศทางการดำเนินธุรกิจของไลอ้อน (ประเทศไทย)เปิดเผยว่า สำหรับ แนวทางพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ จะมีการทำตลาดสินค้านวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคทุกช่วงวัยที่มีความต้องการที่หลากหลาย โดยใช้วัตถุดิบท้องถิ่นนำมาสร้างมูลค่าเพิ่ม

 

ผนวกกับเทคโนโลยีทันสมัยมาใช้ในกระบวนการผลิต อาทิ เมล็ดมะไฟจีน และกากข้าว เป็นการสร้างรายได้เพิ่มให้กับชุมชนควบคู่ไปกับการดูแลสิ่งแวดล้อม สอดคล้องกับการดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและมุ่งสู่ความยั่งยืน (Sustainable) โดยไลอ้อน (ประเทศไทย) ได้กำหนดนโยบายในปี 2593 จะลดการปล่อย CO2 ให้เป็นศูนย์ และยกเลิกการใช้พลาสติกผลิตใหม่ (virgin plastic) ในบรรจุภัณฑ์

สำหรับการทำตลาดในประเทศที่ผ่านมาในภาพรวมยังไม่เติบโตมากนัก เนื่องจากยังคงเผชิญปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด – 19 ความผันผวนของราคาน้ำมัน ราคาวัตถุดิบที่ยังคงพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

 

ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาในเรื่องของการปรับราคาผลิตภัณฑ์ หากมีการปรับขึ้นจะเป็นไปในราคาที่เหมาะสม พอเพียง และไม่กระทบกับผู้บริโภคมากนัก ขณะที่การทำตลาดต่างประเทศยังคงเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะประเทศในแถบอาเซียน ยุโรป และรัสเซีย โดยในปี 2564 ที่ผ่านมา บริษัทฯ มียอดขายรวมอยู่ที่เกือบๆ 20,000 ล้านบาท เติบโตจากปีที่ผ่านมาไม่ถึง 1% คาดว่าเศรษฐกิจในปีนี้น่าจะฟื้นตัวได้ ส่งผลให้ธุรกิจน่าจะมีอัตราการเติบโตไม่เกิน 5%

 

“ไลอ้อน ประเทศไทย ผ่านวิกฤตมามากมายนับตั้งแต่เริ่มต้นการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยปี 2512 ไม่ว่าจะเป็น วิกฤตน้ำมัน วิกฤตการต่อต้านสินค้าญี่ปุ่น วิกฤตการเมือง วิกฤตต้มยำกุ้ง จนมาถึงวิกฤตการระบาดโรคโควิด-19 ในปัจจุบัน ในทุกวิกฤตล้วนสร้างโอกาสในการดำเนินธุรกิจ

 

บริษัทฯ สามารถปรับตัวและผ่านมาได้ทุกครั้ง ตลอดการดำเนินธุรกิจ 53 ปี ด้วยนโยบายองค์กรคนดี ยึดมั่นในเส้นทางธุรกิจคู่คุณธรรม ภายใต้ความมุ่งมั่นในการผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคในภูมิภาคเอเชียอย่างมีคุณธรรม มุ่งยอดขายและทำกำไรอย่างพอเพียง เพื่อสร้างประโยชน์สุขให้กับทุกฝ่าย” 

 

บริษัทฯให้ความสำคัญกับระบบการกำกับดูแลกิจการที่ดีและการบริหารความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพควบคู่กับความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ดำเนินโครงการหลายโครงการมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น โครงการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคี โครงการเปลี่ยนการจ่ายสู่การจ้างเพื่อผู้พิการ โครงการรางวัลไลอ้อนสุขภาพช่องปาก รวมทั้งโครงการส่งเสริมป้องกันสุขอนามัยช่องปาก เพื่อประโยชน์ต่อผู้บริโภคทุกช่วงวัย สร้างเสริมให้คนไทยมีสุขภาพดี