‘พานาซี’ ปั้น กัญชา-สมุนไพร สู่ Green Medicine

18 ก.พ. 2565 | 17:12 น.
อัปเดตล่าสุด :19 ก.พ. 2565 | 00:12 น.

เปิดยุทธศาสตร์ “โรงพยาบาลพานาซี” มุ่งสู่วิถีการรักษาด้วยธรรมชาติ ปักธง Green Medicine ลุยวิจัยกัญชา-สมุนไพรปั้นตำรับซิกเนเจอร์รักษาคนไข้มะเร็ง-โรคนอนไม่หลับ รองรับคนไข้สูงอายุ-ต่างชาติ

นางศิริญา เทพเจริญ กรรมการบริหาร บริษัท เวิล์ด เมดิคอล อัลไลแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้บริหารโรงพยาบาลพานาซี เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ภาพรวมการรักษาหรือรับบริการทางการแพทย์ในปีนี้คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นกว่าปีก่อน โดยเฉพาะในมุมของคนไข้ต่างชาติ เพราะแต่ละประเทศมีการฉีดวัคซีนหรือควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ จนสามารถเดินทางได้เกือบเป็นปกติ

 

โรงพยาบาลพานาซี จึงเตรียมความพร้อมในการรองรับคนไข้ทั้งในประเทศและจากต่างประเทศที่คาดว่าจะเดินทางเข้ามารับการรักษาโรคโดยเฉพาะคนไข้จากบังกลาเทศ จีน กัมพูชา พม่า บังกลาเทศ ดูไบ ฯลฯ โดยล่าสุดโรงพยาบาลได้เปิดตัว ศูนย์มะเร็งโดยใช้ Green medicine หรือสารจากธรรมชาติ 360 องศาไม่ว่าจะเป็นสเต็มเซลล์, สมุนไพร อาทิ ขมิ้นชัน ฟ้าทลายโจร กระชาย หรือ ขิง, IV vitamin ฯลฯ นำเข้าจากเยอรมนีบวกด้วยกัญชาของประเทศไทย ในการรักษา

ศิริญา เทพเจริญ

นอกจากนี้ “พานาซี” ยังจับมือกับโรงพยาบาลในประเทศเยอรมนี ที่เชี่ยวชาญการรักษาผู้ป่วยมะเร็งด้วยสารจากธรรมชาติ เพื่อบูรณาการการทำงานร่วมกันระหว่างทีมแพทย์เยอรมนีกับทีมแพทย์ไทยในการวิจัยกัญชารักษามะเร็ง เพื่อรองรับผู้ป่วยกลุ่มมะเร็งซึ่งเป็นกลุ่มที่ต้องการการรักษาด้านธรรมชาติบำบัดและเป็นเทรนด์ที่กำลังมาแรง และทำให้ “พานาซี” แตกต่างจากที่อื่น

 

โดยกัญชาที่ใช้รักษาโรคจะอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น ซึ่งข้อดีของประเทศไทย คือ เป็นประเทศเดียวในเอเชียที่ใช้กัญชาในการรักษาโรค ถือเป็นจุดเด่นที่จะต่อยอดภาพรวมของประเทศ ซึ่ง “พานาซี” ได้นำมาคอมบายกับสมุนไพร ตามนโยบายการใช้ Green Medicine หรือการใช้สารธรรมชาติแม้กระทั่งสเต็มเซลล์ของตัวเองก็ตามเพราะสารธรรมชาติแต่ละตัวก็ออกฤทธิ์ต่างกัน

 

สำหรับ Green Medicine ที่ใช้ในการรักษาเป็นการนำเข้าจากเยอรมนีทั้งหมด และในระหว่างการศึกษาวิจัยเพื่อผลิตเองในประเทศไทยซึ่งจะอยู่ภายใต้การกำกับของ เวิล์ด เมดิคอล อัลไลแอนซ์ (WMA) บริษัทแม่ของโรงพยาบาลพานาซี ซึ่งดูแลในส่วนของ เครื่องมือแพทย์ ผลิตยา และแพลตฟอร์ม

Green Medicine

โดยเบื้องต้นจะโฟกัสเรื่องเครื่องมือแพทย์ไม่ว่าจะเป็นการนำเข้า ATK และผลิตยากลุ่มยานอนหลับยาคลายเครียดที่กำลังทำวิจัยเพื่อขึ้นทะเบียนและยาตัวอื่นๆที่นำเข้า นอกจากนี้ยังมีแผนอัพเกรดแพลตฟอร์ม MORHELLO ให้สมบูรณ์ 100% ภายในเดือนมีนาคมนี้ ซึ่งปัจจุบันเปิดให้บริการในส่วนของการซื้อขาย และกระจาย supply product ต่างๆให้ร้านยาหรือคลินิกพันธมิตรเพื่อช่วยลดต้นทุน เพิ่มรายได้ ลดค่าใช้จ่าย รวมทั้งส่งออกกลุ่มยาตำรับซิกเนเจอร์ของไทย ซึ่งเป็นนวัตกรรมสมุนไพร บวกด้วยกัญชา กัญชงไปยังอเมริกา ยุโรป จีน ญี่ปุ่น ในช่วงไตรมาส 2

 

อย่างไรก็ตามการใช้กัญชา ยังมีความเสี่ยงเพราะมีสาร THC  จึงจำเป็นต้องจ่ายโดยแพทย์ที่มีความรู้ เพราะปัจจุบันคนยังมีความรู้น้อยเกี่ยวกับความแตกต่างของสาร CBD และ THC แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นกัญชา กัญชง ยังคงเป็นพืชสวรรค์ ที่ช่วยลดอาการปวด ปวดไมเกรน ปวดหัว ซึ่งปกติคนไข้ต้องกินยาที่เป็นเคมี แต่กัญชา กัญชง นอกจากรักษาอาการปวดแล้วช่วยในฟังก์ชันของสมองด้วย เพราะฉะนั้นโจทย์หลักของปีนี้คือการให้ความรู้คนมากขึ้น

โรงพยาบาลพานาซี

ส่วนในเรื่องของ supply กัญชาที่พานาซีจะนำมาใช้การผลิตยา ปัจจุบันถือว่ามีเพียงพอ จากการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชนหรือมหาวิทยาลัยต่างๆ ปลูกเพื่อซัพพลายในสายการผลิต นอกจากนี้ยังมีแผนเปิดตัวบัตรอีลีท ซึ่งเป็นความร่วมมือกับพันธมิตรในเดือนมีนาคมนี้ในงาน Health Expo ด้วย

 

“โรงพยาบาลพานาซีมีความเชี่ยวชาญในการรักษาผู้สูงอายุ และเน้นการรักษาที่ต้นเหตุโดยธรรมชาติอยู่แล้ว ซึ่งพานาซี ได้เปิดศูนย์หลอดเลือดหัวใจรักษา ทั้งคนที่เป็น แต่ไม่ได้ผ่าตัด หรือกลุ่มความดันและตอนนี้กำลังทำวิจัยศูนย์หลอดเลือดหัวใจโดยไม่ต้องผ่าตัด ซึ่งทั้ง 2 ศูนย์นี้จะรองรับคนไข้สูงอายุที่มีปัญหาโดยเฉพาะ”

โรงพยาบาลพานาซี

นอกจากนี้ในประเทศไทยมีผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับการนอนเยอะกว่า 19 ล้านคน ซึ่งมองว่าเป็นโรคทรมาน และส่งผลให้ทำงานไม่เต็มศักยภาพ โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่มีภาวะอัลไซเมอร์ ขณะที่นักวิจัยในอิสราเอลค้นพบว่า เมื่ออายุมากขึ้น สาร endocannabinoids จากสมองจะน้อยลง ทำให้นอนน้อย ความจำหาย แต่สิ่งที่จะเข้าไปเติม endocannabinoids ที่น้อยลงได้คือ CBD เพราะฉะนั้นคนไทยจะไม่มีปัญหาการนอน พอปลดล็อกตรงนี้ได้เชื่อว่า คนไทยจะอายุยืนขึ้นและคนป่วยก็จะน้อยลงอย่างเห็นได้ชัดภายใน 2-3 ปีนี้

 

นางศิริญา กล่าวอีกว่า ตอนนี้โรงพยาบาลกำลังทำงานวิจัยและจัดเป็นแคมเปญรวมพล คนนอนไม่หลับ โดยจับมือกับแบรนด์นาฬิกา สมาร์ทวอชต์ เก็บสถิติการรักษาที่ต้นเหตุโดยการใช้ CBD คอมบายกับพืชสมุนไพรเป็นยามารักษาในช่วง 2 สัปดาห์แรก และ คนไข้จะสามารถหลับได้เองในสัปดาห์ที่ 3- 4


“สำหรับคนไข้ในประเทศไทยปีนี้เราจะโฟกัสโรคนอนไม่หลับผ่านแคมเปญรวมพลคนนอนไม่หลับ ส่วนคนไข้ต่างประเทศจะโฟกัสในเรื่องของโรคเบาหวาน ความดัน หลอดเลือดหัวใจและโรคมะเร็ง”

 

หน้า 15 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 41 ฉบับที่ 3,758 วันที่ 17 - 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565