“ทัวร์เที่ยวไทย”เปิดลงทะเบียนแล้วผ่าน www.ทัวร์เที่ยวไทย.ไทย

24 ก.ย. 2564 | 12:38 น.
อัปเดตล่าสุด :24 ก.ย. 2564 | 21:37 น.
19.0 k

ทัวร์เที่ยวไทย เปิดให้บริษัทนำเที่ยวลงทะเบียนแล้วผ่าน www.ทัวร์เที่ยวไทย.ไทย ตั้งแต่วันที่ 24 ก.ย.นี้ ก่อนเปิดให้ประชาชนจองใช้สิทธิโดยตรงผ่านบริษัทนำเที่ยวเพื่อจองแพ็คเกจทัวร์ ตั้งแต่วันที่ 8 ต.ค.64-31 ม.ค.65 โดยรัฐควักจ่ายให้40%สูงสุดไม่เกิน 5,000 บาท 1 ล้านสิทธิ

โครงการ “ทัวร์เที่ยวไทย” เป็นโครงการที่รัฐบาลจัดขึ้นเพื่อช่วยเสริมสภาพคล่องให้ผู้ประกอบการนำเที่ยวและธุรกิจที่เกียวเนื่อง เพื่อสนับสนุนการสร้างงานและฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศในองค์รวม โดยรัฐบาลสนับสนุนค่าแพ็คเกจท่องเที่ยวให้ 40% หรือสูงสุดไม่เกิน 5,000 บาท ให้คนไทยเดินทางเที่ยวในประเทศผ่านบริษัทนำเที่ยว

 

โดยตั้งแต่วันที่ 24 กันยายนนี้เป็นต้นไป จะมีการเปิดให้บริษัทนำเที่ยวที่จดทะเบียนถูกต้อง เข้ามาลงทะเบียนร่วมโครงการ ผ่าน www.ไทยเที่ยวไทย.ไทย

 

ลงทะเบียนทัวร์เที่ยวไทย

 

ส่วนการเปิดให้ประชาชนจองใช้สิทธิ ส่วนลดค่าแพ็คเกจทัวร์ 40% โดยกำหนด 1 สิทธิต่อคน จำนวน 1 ล้านสิทธิ จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 8 ตุลาคม 2564-31 มกราคม2564 โดยประชาชน ต้องติดต่อผู้ประกบการนำเที่ยวโดยตรงเพื่อจองแพ็คเกจทัวร์ ที่จะมีการเปิดขายทั้งหมด 30 รายการนำเที่ยว  อาทิ แพ็คเกจทัวร์ราคา 12,500 บาท จะได้รับสิทธิส่วนลดรัฐช่วยจ่าย 40% หรือสูงสุดไม่เกิน 5,000 บาทแล้ว เท่ากับว่าผู้ใช้สิทธิจะต้องจ่ายค่าแพ็คเกจเอง 7,500 บาทเท่านั้น

 

“ทัวร์เที่ยวไทย”เปิดลงทะเบียนแล้วผ่าน www.ทัวร์เที่ยวไทย.ไทย

 

แต่ถ้าซื้อแพ็คเกจทัวร์ราคา 5,000 บาท จะได้รับสิทธิรัฐช่วยจ่าย 40% คิดเป็น 2,000 บาท เท่ากับว่าประชาชนต้องจ่ายเงินเอง 3,000 บาท และไม่สามารถใช้สิทธิซื้อแพ็คเกจทัวร์เพิ่มในภายหลังเพื่อให้ได้รับส่วนลดจากรัฐช่วยจ่ายถึงเพดานสูงสุด 5,000 บาท เพราะจำกัดให้เพียง 1 คนต่อ 1 สิทธิเท่านั้น ทั้งนี้รายการนำเที่ยวที่เลือกซื้อ ต้องเป็นการเดินทางข้ามจังหวัดเท่านั้น เดินทางได้ทุกวัน และไม่จำกัดว่าต้องเป็นการเดินทางเฉพาะวันธรรมดา ทั้งนี้ไม่สามารถใช้แพ็คเกจท่องเที่ยวของโครงการทัวร์เที่ยวไทยในช่วงเวลาเดียวกับการเข้าพักโรงแรมที่พักของโครงการ เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3 ได้

คุณสมบัติของประชาชนที่จะเข้าร่วมโครงการ “ทัวร์เที่ยวไทย”
 

1.มีบัตรประจำตัวประชาชน และเป็นบุคคลสัญชาติไทย

2.อายุตั้งแต่ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป

3.ไม่สามารถใช้แพ็คเกจท่องเที่ยวของโครงการทัวร์เที่ยวไทยในช่วงเวลาเดียวกับการเข้าพักโรงแรม/ที่พัก ของโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส3 ได้

                                                                 

การใช้สิทธิ์ในโครงการ “ทัวร์เที่ยวไทย”

 

ขั้นตอนที่ 1 ติดตั้งแอปฯเป๋าตัง ผูก G Wallet เพื่อรับสิทธิตามโครงการ

 

ขั้นตอนที่ 2 ประชาชนติดต่อผู้ประกอบการนำเที่ยวโดยตรงเพื่อจองแพ็คเกจ (จองแพ็คเกจก่อนเดินทาง 7 วัน ใช้ได้เพียง 1 สิทธิ/คน รัฐสนับสนุนไม่เกิน 5,000 บาทต่อคน

 

ขั้นตอนที่3 ผู้ประกอบการนำเที่ยวตรวจสอบแพ็คเกจ และทำรายการผ่านทาง “ถุงเงิน”

 

ขั้นตอนที่ 4 ประชาชนรับการ แจ้งเตือน ชำระเงินค่าแพ็คเกจ 60% ผ่าน G Wallet “เป๋าตัง” หากไม่มีการชำระเงินภายในเวลา23.59น.ของวันที่ทำการจองระบบจะยกเลิกการจองอัตโนมัติ

 

ขั้นตอนที่ 5 เช็คอิน ณ จุดนัดพบ ที่กำหนดโดยผู้ประกอบการนำเที่ยว เมื่อถึงวันเดินทาง จะต้องดำเนินการดังนี้

  • สแกน QR เช็คอินบนแอปฯเป๋าตัง
  • สแกนหน้าบนแอปฯถุงเงิน ของผู้ประกอบการนำเที่ยวทั้งจังหวะเช็คอินและเช็คเอ้าท์

 

ทัวร์เที่ยวไทย

ประเด็นคำถามที่พบบ่อยในโครงการ “ทัวร์เที่ยวไทย”

 

1. สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการนี้ได้ที่ไหน

 

 

2. คุณสมบัติของผู้ประกอบการที่จะเข้าร่วมโครงการมีอะไรบ้าง

 

  • เป็นผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยว (ทั้งแบบบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล) ที่ได้รับอนุญาตหรือดำเนินการถูกต้องตามกฎหมายและยังเปิดให้บริการตามปกติ

 

  • เป็นผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวที่จดทะเบียน ก่อนวันที่ 1 มกราคม 2563 และมีการต่ออายุจนจบโครงการ

 

  • ไม่เป็นผู้ที่ถูกระงับสิทธิหรือถูกเรียกเงินคืนหรือถูกดำเนินคดีอาญาในโครงการกำลังใจ เราเที่ยวด้วยกัน หรือโครงการ อื่นๆของรัฐ

 

  • ประกอบธุรกิจนำเที่ยว จะต้องเปิดใช้บริการแอปพลิเคชัน "ถุงเงิน" (ระบุเป็นประเภทผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวเท่านั้น) กับธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (ธนาคารกรุงไทยฯ ) ก่อน หากผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวมีแอฟพลิเคชัน "ถุงเงิน" ดังกล่าวแล้ว ก็สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯผ่านเว็บไซต์ www.ทัวร์เที่ยวไทย.ไทย

 

3. ตรวจสอบคุณสมบัติ/ใบอนุญาตประกอบธุรกิจของบริษัทได้ที่ไหน

 

  • สามารถตรวจสอบใบอนุญาตประกอบการได้ที่เว็บไชต๊กรมการท่องเที่ยว > ข้อมูลบริการ >เว็บสิงค์ > รายชื่อธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก็

 

4. ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวที่จะเข้าร่วมโครงการต้องทำอะไรบ้าง

 

  • จัดเตรียมรายการนำเที่ยวที่มีระยะเวลาท่องเที่ยวไม่น้อยกว่า 3 วัน 2 คืน มีการเดินทางข้ามจังหวัด และพักค้างคืนในจังหวัดที่ไม่เป็นจุดเริ่มต้นการเดินทาง จำนวน 30 รายการ ต่อ 1บริษัท โดย 1 บริษัท สามารถรับลูกค้าได้ไม่เกิน 1,000 คน (1คน ต่อ 1 สิทธิ)

 

  • ราคารายการนำเที่ยวไม่กำหนดราคาขั้นต่ำ โดยรัฐจะสนับสนุนเงินค่าเดินทางตามรายการนำเที่ยวที่เลือกไว้ 40% ของราคารายการนำเที่ยว ทั้งนี้ไม่เกิน 5,000 บาท ต่อคน 1 คนต่อ 1 สิทธิ

 

  • จัดทำรายการนำเที่ยว แบ่งเป็นประเภท รูปแบบการให้บริการ ราคา และเงื่อนไขการเดินทาง อาทิ ระดับ Platinum Gold Silver โดยต้องมีโครงสร้างราคาทุน และค่าบริหารจัดการไม่เกิน15% เสนอให้กรรมการพิจารณาผ่านเว็บไซต์ www.ทัวร์เที่ยวไทย.ไทย เมื่อรายการนำเที่ยวผ่านการอนุมัติจากคณะกรรมการตรวจสอบรายการนำเที่ยวแล้วจึงนำขึ้นเว็บไซต์ www. ไทยเที่ยวไทย.ไทย เพื่อให้เสนอขายได้

 

 

 

5. รายการทัวร์สามารถจัดเป็นแพ็คเกจทัวร์นักท่องเที่ยวเดินทางเองได้หรือไม่

 

  • ไม่สามารถจัดแพ็คเกจให้นักท่องเที่ยวเดินทางเองได้ เนื่องจากผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยว ต้องให้ประชาชนยืนยันตัวตนในแอปพลิเคชัน "ถุงเงิน" (ซึ่งเป็นส่วนของผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยว ที่จะต้องมอบหมายให้เจ้าหน้าที่บริษัท หรือ มัคคุเทศก์ ดำเนินการ) โดยการสแกนใบหน้าก่อนออกเดินทางในวันแรกตามรายการนำเที่ยว และในระหว่างการเดินทางผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยว ต้องยืนยันระหว่างการเดินทางในแอปพลิเคชัน "ถุงเงิน" โดย สแกน QR Code กับ แอปพลิเคชัน "ถุงเงิน" ของโรงแรม ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก แหล่งท่องเที่ยวทุกแห่งที่ปรากฎอยู่ในรายการนำเที่ยวตามที่เสนอบน www.ทัวร์เที่ยวไทย.ไทย ในวันสิ้นสุดของการเดินทางผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวต้องให้ประชาชนยืนยันตัวตนในแอปพลิเคชัน "ถุงเงิน" โดยการสแกนใบหน้า ณ จังหวัดที่พักสุดท้ายของการเดินทางตามรายการนำเที่ยว

 

“ทัวร์เที่ยวไทย”เปิดลงทะเบียนแล้วผ่าน www.ทัวร์เที่ยวไทย.ไทย

 

6. รายการนำเที่ยวที่เสนอให้คณะกรรมการพิจารณาก่อนการเสนอขายผ่านเว็บไซต์ www. ทัวร์เที่ยวไทย.ไทย ต้องระบุวันเดินทางหรือไม่

 

  • ยังไม่ต้องกำหนดวันที่ มีเพียงระยะเวลาเดินทางขั้นต่ำ 3 วัน 2 คืน บริษัทจะต้องอัพโหลดโปรแกรมเข้าในเว็บไซต์

 

7 . ระยะเวลาที่จะใช้ตรวจสอบคุณภาพของโปรแกรมใช้เวลาประมาณกี่วัน

 

  • เบื้องต้นมีระยะเวลา 21วัน (ซึ่งรวมกับวันที่เสนอขายบนเว็บไซต์แล้ว) โดยมีขั้นตอนการตรวจสอบ ดังนี้

-ตรวจสอบรายการนำเที่ยวที่ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวกรอกลงใน www.ทัวร์เที่ยวไทย.ไทย

 

-คณะกรรมการอนุมัติ รายการนำเที่ยว ล่วงหน้าก่อน 7 วัน (หรือน้อยกว่า)และนำส่งให้ธนาคารกรุงไทย ในทุกวันจันทร์ ผ่านเว็บไวต์ www.ทัวร์เที่ยวไทย.ไทย

 

-นำส่งข้อมูลให้กับธนาคารกรุงไทย ทุกวันจันทร์

 

-ธนาคารกรุงไทยใช้เวลาดำเนินการ 7 วัน ถึงจะขึ้นรายการนำเที่ยวใน แอปพลิเคชัน เป้าตัง

 

-ประชาชนสามารถซื้อรายการนำเที่ยวผ่านแอปพลิเคชัน เป้าตัง ก่อนออกเดินทาง 7 วัน

 

8. การเดินทางข้ามจังหวัดไปจังหวัดที่ นักท่องเที่ยวมีภูมิลำเนา อาทิ ถือบัตรประชาชน เชียงใหม่ตัวอยู่ กรุงเทพฯจะเดินทางไปเที่ยวเชียงใหม่ได้หรือไม่

 

  • สามารถเดินทางได้ เนื่องจากโครงการกำหนดให้เดินทางข้ามจังหวัด และพักค้างคืนในจังหวัดที่ไม่เป็นจุดเริ่มต้นการเดินทาง

 

9. มีการจำกัดจำนวนบริษัทนำเที่ยวที่ให้เข้าร่วมโครงการนี้หรือไม่

 

  • ไม่จำกัดบริษัทเข้าร่วมโครงการ โดยแต่ละบริษัทสามารถรับนักท่องเที่ยวได้ไม่เกิน 1,000 คนต่อ 1 บริษัท และโครงการจะจบเมื่อมีการใช้สิทธิครบ 1,000,000 สิทธิ

 

“ทัวร์เที่ยวไทย”เปิดลงทะเบียนแล้วผ่าน www.ทัวร์เที่ยวไทย.ไทย

 

10. บริษัทนำเที่ยว ที่มีใบอนุญาตนำเที่ยว แต่ไม่ได้จด vat สามารถเข้าร่วมโครงการได้หรือไม่

 

  • บริษัทนำเที่ยวที่มีใบอนุญาตนำเที่ยว แต่ไม่ได้จด VAT เข้าร่วมโครงการได้แต่ถ้าร่วมโครงการ และทำให้รายได้ในปีนั้นเกิน 1.8 ล้านบาท จะต้องดำเนินการจด VAT ภายใน 30 วันนับตั้งแต่วันที่มูลค่ของฐานภาษีเกิน 1.8 ล้านบาท

 

11. ในขั้นตอนการลงทะเบียนจะต้องระบุทั้ง เลขประจำตัวผู้เสียภาษี และเลขบัตรประชาชนหรือระบุแค่อย่างใดอย่างหนึ่งได้

 

  • ใช้อย่างใดอย่างหนึ่ง โดยดูการจดทะเบียน การประกอบธุรกิจนำเที่ยว เช่น ถ้าเป็นบุคคล ก็จะเป็นบัตรประชาชนแต่ถ้าจดในนามบริษัท ก็จะเป็น Tax ID

 

12. การสแกนใบหน้าผู้เดินทางในวันแรก ต้องทำในจังหวัดที่บริษัทนำเที่ยวตั้งอยู่ หรือสแกนตามจุดที่เป็นจุดนัดหมายลูกค้าตามที่ระบุในโปรแกรม อาทิ สนามบิน ปั๊มน้ำมัน

 

  • สแกน ณ จุดเริ่มตันซึ่งกำหนดไว้ตามโปรแกรม อาทิ สนามบิน จุดขึ้นรถทัวร์/รถตู้

 

13. ในรายการนำเที่ยวของแต่ละโปรแกรมท่องเที่ยวนั้น ๆ สถานที่ เช่น โรงแรม/ที่พัก ร้านอาหาร รถบัส รถตู้ หรือ เรือ นำเที่ยว จำเป็นจะต้องมีมาตรฐาน "SHA" หรือไม่

 

  • ขอความร่วมมือเลือกที่พัก ร้านอาหารที่ได้รับมาตรฐาน SHA ก่อนเป็นอันดับแรก เนื่องจากการได้รับมาตรฐานดังกล่าว เปรียบได้กับสถานประกอบการนั้นๆ ได้ปฏิบัติตามมาตรการการป้องกันความเสี่ยงจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 สำหรับสถานประกอบกิจการของกระทรวงสาธารณสุขในกรณีที่ไม่ผ่านมาตรฐาน SHA ให้ยืดตามมาตรฐานการป้องกันการแพร่ระบาดอื่นๆ ของกระทรวงสาธารณสุข