ผ่างบ "เกษตรแปลงใหญ่"

04 มิ.ย. 2564 | 16:44 น.
640

​​​​​​กรมส่งเสริมการเกษตร โชว์ออฟ ผ่างบ  “เกษตรแปลงใหญ่” ด้วยเกษตรสมัยใหม่ เชื่อมโยงตลาด คืบ 47 กลุ่ม วงเงินกว่า 112 ล้านบาท

เข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง

 

นายเข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง อธิบดี กรมส่งเสริมการเกษตร  กล่าวว่า สรุปความก้าวหน้าโครงการยกระดับแปลงใหญ่ด้วยเกษตรสมัยใหม่และเชื่อมโยงตลาด เฉพาะในส่วนกลุ่มแปลงใหญ่ที่กรมส่งเสริมการเกษตรดูแล ณ วันที่ 4 มิถุนายน 2564 พบว่า มีกลุ่มแปลงใหญ่ที่ดำเนินการจัดทำแผนการใช้จ่ายแล้วรวม 982 แปลง คิดเป็นร้อยละ 90 ผ่านการพิจารณาอนุมัติจากคณะกรรมการระดับจังหวัด 400 แปลง คิดเป็นร้อยละ 41 ดำเนินการจัดทำบันทึกข้อตกลง (MOU) เพื่อขอรับเงินอุดหนุนกับสำนักงานเกษตรจังหวัดแล้ว 149 แปลง คิดเป็นร้อยละ 38 ของจำนวนแปลงที่ได้รับการอนุมัติ

 

พร้อมกันนั้นได้มีการดำเนินการโอนเงินผ่านบัญชีธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ให้กับกลุ่มแปลงใหญ่แล้ว 47 กลุ่ม วงเงินงบประมาณกว่า 112 ล้านบาท เพื่อให้กลุ่มแปลงใหญ่สามารถดำเนินการตามแผนการดำเนินงานที่ได้รับการอนุมัติไว้  ทั้งนี้ กรมส่งเสริมการเกษตรได้สั่งการให้เกษตรจังหวัดทุกจังหวัดเร่งรัดติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงาน และกำชับให้จัดทีมลงพื้นที่ไปชี้แจงรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้าง และการดำเนินงานโครงการฯ ให้ประธานกลุ่มแปลงใหญ่ได้รับทราบ

 

ยกดับ "แปลงใหญ่"

 

อธิบดี กรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวอีกว่า ผลการดำเนินงานในส่วนของกรมส่งเสริมการเกษตรมีความก้าวหน้ามาก   เป็นที่น่าพอใจ  แต่เนื่องจากกรมส่งเสริมการเกษตรได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ประสานงานหลักของโครงการยกระดับแปลงใหญ่ด้วยเกษตรสมัยใหม่และเชื่อมโยงตลาด จึงได้สั่งการให้สำนักงานเกษตรจังหวัดคอยประสานงานอย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานในระดับพื้นที่ของกรมการข้าว กรมปศุสัตว์ กรมประมง การยางแห่งประเทศไทย และกรมหม่อนไหม เพื่อให้การดำเนินงานของโครงการในภาพรวมสามารถดำเนินการไปได้ตามแผนที่กำหนดไว้

 

อนึ่ง โครงการ "ยกระดับแปลงใหญ่" ด้วยเกษตรสมัยใหม่และเชื่อมโยงตลาด เป็นโครงการที่ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้รับการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีให้ดำเนินการ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนการผลิตให้กับเกษตรกรหรือกลุ่มเกษตรกรที่มีศักยภาพ และเป็นกลุ่มนิติบุคคลตามระบบส่งเสริมเกษตรแปลงใหญ่ ด้วยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมที่เหมาะสม และยกระดับการผลิตไปสู่สินค้าที่มีคุณภาพมาตรฐาน สอดคล้องกับความต้องการของตลาด และอุตสาหกรรมต่อเนื่อง ส่งผลให้ภาคเกษตรไทยเกิดการพัฒนาอย่างเข้มแข็งและยั่งยืนต่อไป