ม.มหิดล เร่งปั้นผู้ประกอบการ 'ธุรกิจสุขภาพ' ป้อนอุตสาหกรรม ขึ้นแท่นอันดับ 5 ของโลก

10 พ.ค. 2564 | 12:38 น.
อัปเดตล่าสุด :10 พ.ค. 2564 | 19:38 น.

มหิดล ชี้ อุตสาหกรรมสุขภาพไทยโดดเด่น ใหญ่ติด Top5 ของโลก ขณะ ภายใน 10 ปี ต้องทรานส์ฟอร์ม เหตุขาดบุคลากรอย่างหนัก เร่งปั้นผู้ประกอบการหน้าใหม่ นำเทคโนโลยีเข้าช่วย ผลักดันไทยเป็น Medical Hub อย่างแท้จริง

ดร.กฤษกร สุขเวชชวรกิจ ประธานหลักสูตรการจัดการธุรกิจสุขภาพ วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล (CMMU) กล่าวว่า อุตสาหกรรมสุขภาพกำลังเติบโตทั่วโลก ประกอบกับประเทศไทยมีจุดแข็งด้าน Service โดยเฉพาะการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ หรือ Medical Tourism จากข้อมูลของ BOI ระบุว่า ตลาดนี้ในไทยมีมูลค่ามากกว่า 2 หมื่นล้านบาท ใหญ่เป็นอันดับ 5 ของโลก มีอัตราการเติบโตปีละกว่า 10% 

ม.มหิดล เร่งปั้นผู้ประกอบการ \'ธุรกิจสุขภาพ\'  ป้อนอุตสาหกรรม ขึ้นแท่นอันดับ 5 ของโลก

อีกทั้งโควิด-19 ยิ่งเป็นตัวเร่งให้คนหันมาให้ความสำคัญกับสุขภาพมากขึ้น ในขณะที่ “เทรนด์สังคมสูงวัย” ได้เริ่มต้นขึ้นอย่างชัดเจนในปีนี้ที่ประชากรไทยอายุเกิน 60 ปี มีมากกว่า 20% และในอีก 10 ปีข้างหน้า จะกลายเป็น Hyper-Aged Society หรือมีผู้สูงวัยมากกว่า 28% จัดอยู่ในประเภทเดียวกับญี่ปุ่น ทว่าอัตราเกื้อหนุนของประเทศไทยน่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง ย้อนไปเมื่อปีพ.ศ. 2537 อัตราเกื้อหนุนอยู่ที่ 9:1 กล่าวคือผู้สูงอายุ 1 คนมีลูกหลานหรือผู้ดูแลถึง 9 คน 

แต่ในปีพ.ศ. 2573 สัดส่วนนี้จะลดลงเหลือเพียง 2:1 การขาดแคลนคนดูแลผู้สูงวัยจะเข้าขั้นวิกฤติในไม่ช้านี้ แต่ข่าวดีคือโลกได้ก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัล ที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทแทนแรงงานมนุษย์ในหลายด้าน ซึ่งขึ้นอยู่กับว่าอุตสาหกรรมสุขภาพจะนำมาปรับใช้ได้ทันหรือไม่ 

“ในช่วงเวลา 10 ปีจากนี้ ต้องมองว่านี่ไม่ใช่แค่โอกาส แต่เป็นสิ่งที่ต้องทำ เพราะถ้าประเทศไทยไม่เร่งพัฒนาบุคลากรและธุรกิจสุขภาพช่วง 10 ปีนี้ เราอาจจะสูญเสียความสามารถในการแข่งขัน ต้องนำเข้าสินค้ามูลค่าสูงจนขาดดุลการค้า และที่สำคัญที่สุดคือการดูแลสุขภาพประชาชนจะกลายเป็นวิกฤติ แต่หากเราพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส ผลักดันเมืองไทยเป็น Medical Hub ระดับโลกอย่างที่วาดฝันไว้ ภาคการศึกษาก็ต้องเร่งปั้นผู้ประกอบการตั้งแต่วันนี้”

ม.มหิดล เร่งปั้นผู้ประกอบการ \'ธุรกิจสุขภาพ\'  ป้อนอุตสาหกรรม ขึ้นแท่นอันดับ 5 ของโลก

ทั้งนี้ ทางวิทยาลัยฯ ได้เปิดหลักสูตรระดับปริญญาโทใหม่ล่าสุด ในสาขาการจัดการธุรกิจสุขภาพ: Healthcare Business Management (HRM) ที่นำองค์วามรู้ด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพอันเป็นจุดแข็งของมหาวิทยาลัยมหิดล ดังที่คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลอยู่คู่ประเทศไทยมายาวนาน 132 ปี มาผสมผสานกับองค์ความรู้ด้านการบริหารธุรกิจในยุคดิจิทัล สนับสนุนให้ประเทศไทยเร่งสร้างสินค้าและบริการรองรับโอกาสและความท้าทายด้านสุขภาพจากเมกะเทรนด์ 3 ด้าน จะสร้างความแตกต่างให้กับธุรกิจสุขภาพยุคใหม่ 

เริ่มด้วยวิชาพื้นฐานการจัดการธุรกิจ เช่น ไฟแนนซ์ การตลาด การบริหารทรัพยากรบุคคล เป็นต้น ต่อด้วยจุดแข็งของสาขานี้คือการเจาะลึกด้าน Healthcare Management เช่น วิชา Logistics & Supply Chain Management for Healthcare Business ซึ่งมีความซับซ้อนอย่างมาก โดยเฉพาะการขนส่งเวชภัณฑ์หรือยา หากเกิดข้อผิดพลาดต้องตรวจสอบย้อนกลับได้ว่าวัตถุดิบหรือจุดบกพร่องมาจากจุดไหน เพราะเป็นเรื่องของความน่าเชื่อถือ 

ในขณะที่วิชา Ethics, Quality and Risk Management ก็มีสำคัญในระดับสูงกว่าธุรกิจปกติทั่วไป เนื่องด้วยความเสี่ยงที่อาจเกิดอันตรายถึงชีวิต นอกจากนี้ หลักสูตรฯ ได้มุ่งเน้นการนำนวัตกรรมล้ำสมัยมาใช้แก้ปัญหาการขาดแคลนทรัพยากรบุคคล ไม่ว่าจะเป็น AI, Big Data Analytics, Telemedicine หรือ Edge Computing โดยนักศึกษาจะได้เรียนรู้จากกรณีศึกษาจริง จากความร่วมมือกับหลากหลายหน่วยงาน อาทิ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล และ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล, ศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (องค์การมหาชน) หรือ TCELS และโรงพยาบาลเอกชนอีกหลายแห่ง

หลักสูตรนี้ออกแบบมาสำหรับผู้ประกอบการในทุกระดับตั้งแต่สตาร์ทอัพ เอสเอ็มอี หรือผู้บริหารที่อยู่ในธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับสุขภาพทั้งหมด ไม่จำกัดเพียงแค่ธุรกิจโรงพยาบาล รวมไปถึงด้านอสังหาริมทรัพย์ อาหารเสริม เครื่องมือแพทย์ ฯลฯ ให้ผู้ประกอบการได้เพิ่มประสิทธิภาพการทำธุรกิจเดิม และเห็นโอกาสในธุรกิจใหม่ สามารถสร้างแผนธุรกิจออกมาอย่างเป็นรูปธรรม ในขณะเดียวกัน นักวิจัยโดยเฉพาะผู้ที่เรียนจบปริญญาตรีทางด้านวิทยาศาสตร์ที่มีองค์ความรู้พร้อม และต้องการต่อยอดสู่เชิงพาณิชย์ ยิ่งเป็นโอกาสดีในการมาร่วมสร้างเครือข่ายตั้งแต่ในชั้นเรียน

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง 

เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง แตกไลน์อสังหาฯ สู่ธุรกิจสุขภาพ 'ศิริอรุณ เวลเนส'