บิ๊กเนมชิงตลาด ‘แอร์’  สาดนวัตกรรม แคมเปญสนั่น 

05 มี.ค. 2564 | 07:00 น.
อัปเดตล่าสุด :11 มี.ค. 2564 | 18:06 น.

แบรนด์ดังพาเหรดชิงตลาดแอร์หน้าร้อน  ชูนวัตกรรมฆ่าเชื้อ/PM2.5 ประหยัดพลังงาน พร้อมจัดหนักแคมเปญตลาด ชิงพื้นที่หน้าสื่อออฟไลน์ ออนไลน์ หวังโกยยอดขายปลุกตลาด 6 หมื่นล้านคึกคัก 

ตลาดเครื่องปรับอากาศเมืองไทยถูกจับตามองอีกครั้ง เมื่อย่างก้าวเข้าสู่หน้าร้อน แม้ปีนี้จะคาดการณ์ว่า ปรากฏการณ์ลานินญ่า (La Nina) ทำให้อุณหภูมิโลกเย็นนานขึ้น ช่วงหน้าร้อนปีนี้จึงจะสั้นกว่าปีก่อนๆ แต่การแข่งขันในตลาดเครื่องปรับอากาศกลับส่งสัญญาณดุเดือด เพราะยังไม่ทันประกาศเข้าสู่ฤดูร้อน ต่างก็พาเหรดพร้อมทำตลาดแบบ 360 องศา

แผนรุกตลาดแอร์

โดยเฉพาะการเปิดตัวนวัตกรรมเครื่องปรับอากาศ ที่ต่างงัดออกมาเป็นตัวชูโรง ซึ่งความโดดเด่นในปีนี้คือ เครื่องปรับอากาศที่มีนวัตกรรมฆ่าเชื้อไวรัส ป้องกัน PM2.5 ซึ่งล่าสุด “ไดกิ้น” เตรียมเปิดตัวไฮไลท์ของปีนี้กับเครื่องปรับอากาศฆ่าเชื้อไวรัส ที่ผ่านการรับรองจากประเทศญี่ปุ่น ขณะที่ “มิตซูบิชิ อีเล็คทริค” ชิงเปิดตัว ECO EYE INVERTER XT Series ที่นอกจากจะมีเทคโนโลยีอัจฉริยะ ECO EYE Sensor ยังมี Fast Cooling , PM2.5 Filter และ Dual Barrier Coating ฯลฯ

นายทาคาชิ ฟูจิกิ กรรมการและผู้จัดการทั่วไปส่วนการตลาดและการขาย บริษัท มิตซูบิชิ อีเล็คทริค กันยงวัฒนา จำกัด เปิดเผยว่า การพัฒนาเครื่องปรับอากาศนับจากนี้จะเน้นตอบโจทย์ชีวิตวิถีใหม่ของผู้บริโภค ทั้งการใช้ชีวิตประจำวัน การประหยัดพลังงาน ดังนั้นจึงต้องนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาใช้ให้มากขึ้น เช่น มิตซูบิชิ อีเล็คทริค มิสเตอร์สลิม ECO EYE INVERTER XT Series ที่เปิดตัวล่าสุด ถือเป็นเครื่องปรับอากาศที่ตอบรับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ ด้วยโหมด Auto Save, Auto Off, Fast Cooling, เทคโนโลยีเพื่อสุขภาพ PM 2.5 Filter, Dual Barrier Coating ช่วยลดการเกาะติดของฝุ่นและละอองน้ำมัน ลดภาระการล้างเครื่องปรับอากาศ และฟังก์ชั่น Error Code ที่จะช่วยเข้าถึงเหตุปัญหาเมื่อเครื่องปรับอากาศขัดข้องได้ในทันที เป็นต้น

ขณะที่นายปิยะศักดิ์ ศรีบัว ผู้อำนวยการฝ่ายผลิตภัณฑ์เครื่องปรับอากาศบ้านและเชิงพาณิชย์ บริษัท ไฮเออร์ อีเลคทริคอล แอพพลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า เพราะเทคโนโลยีเป็นสิ่งสำคัญ ดังนั้นไฮไลท์ของเครื่องปรับอากาศไฮเออร์ในปีนี้จึงชูเทคโนโลยีเป็นหลักไม่ว่าจะเป็น Hyper PCB ที่ช่วยควบคุมความผันผวนของแรงไฟฟ้าในรุ่น VNR (W) Series, ระบบ Cold Expansion Technology และ Turbo Mode สามารถส่งลมเย็นและเร่งความเย็นและ Eco Energy Saving Mode ที่ช่วยให้ประหยัดพลังงานในรุ่น VTRA Series

ปิยะศักดิ์ ศรีบัว

ส่วนรุ่นพรีเมี่ยมอย่าง VIP Series จะมีด้วยเทคโนโลยีขั้นสุด Super IFD Filter นวัตกรรมแอร์ฟอกอากาศที่เหนือชั้นกว่า ทำให้ประสิทธิภาพการกรองฝุ่นพิษ PM 2.5 ดียิ่งขึ้น ด้วยช่องระบายอากาศกว่า 6,816 ช่องและมาพร้อม Smart Air Quality Sensor ที่ไวต่อการตรวจจับฝุ่นละออง สามารถบอกถึงค่า PM2.5 ในอากาศและคุณภาพของอากาศได้อย่างแม่นยำ

ด้านกลยุทธ์การตลาด ปีนี้ยอมรับว่าไฮเออร์ท่มงบการตลาดมากกว่าทุกปี โดยใช้งบราว 200 ล้านบาทในการทำตลาดแบบครบวงจร ผ่านสื่อออฟไลน์ เช่น TVC ที่มีบอย-ปกรณ์ เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์, สื่อนอกบ้าน,สื่อเคลื่อนที่รถไฟฟ้าบีทีเอส และสื่อออนไลน์ ซึ่งใช้อินฟลูเอ็นเซอร์ (Influencer Marketing) เพื่อสร้างเอ็นเกจเม้นท์เจาะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย  โดยจะเปิดให้อินฟลูเอ็นเซอร์ มาร่วมทดลองใช้สินค้าและบอกเล่าเรื่องราวประทับใจผ่านสื่อออนไลน์ที่มี

“ถือเป็นครั้งแรกที่ไฮเออร์ระดมอินฟลูเอ็นเซอร์มาช่วยสร้างกระแสบอกต่อ ให้เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคทุกกลุ่ม และให้บอย-ปกรณ์ แบรนด์แอมบาสเดอร์มาตอบทุกข้อสงสัยในการเลือกซื้อเครื่องปรับอากาศ ซึ่งวันนี้ต้องยอมรับว่า คนไทยเปิดรับนวัตกรรมที่ทันสมัยและฟังก์ชันที่แบรนด์ไฮเออร์มีมากขึ้น ทำให้เชื่อมั่นว่าในปีนี้กลุ่มเครื่องปรับอากาศของไฮเออร์ จะกลับมาเติบโตเพิ่มขึ้น 29% หรือมียอดขายราว 4,200 ล้านบาท”

ไฮเออร์

ขณะที่นายปริญญา มานวงค์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาเวล คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องปรับอากาศแบรนด์ “มาเวล” กล่าวว่า บริษัทให้ความสำคัญเรื่องของนวัตกรรม โดยล่าสุดใช้งบลงทุนราว 350 ล้านบาท ก่อสร้างมาเวล คอร์ปอเรชั่น ศูนย์นวัตกรรมบนพื้นที่ 4 หมื่นตร.ม. และเป็นสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในย่านลำลูกกา คลอง 9 ซึ่งที่นี่จะเป็น Inspriration Center ศูนย์รวมของกลุ่มสตาร์ทอัพ ต่อยอดนวัตกรรมทันสมัย และพัฒนาผลิตภัณฑ์ของมาเวล ออกมาทำตลาดอย่างต่อเนื่อง

“ไฮไลท์ของแอร์มาเวลในปีนี้คือ การเปิดตัว มาเวล รุ่น Fix Speed ขนาด 12,000 บีทียู เหมาะสำหรับบ้านพักอาศัย พร้อมแคมเปญพิเศษ เงินดาวน์เพียง 1,770 บาท ระยะเวลาผ่อนนาน 1 ปี ผ่านบัตรเครดิตที่ร่วมโครงการ ฟรีค่าติดตั้ง ซึ่งเชื่อว่าจะได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังจัดแคมเปญผ่านโซเชียลมีเดีย กับการเต้น cool cool ผ่านแอพพิเคชั่น TikTok เพื่อเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่เข้ามา
รู้จักแอร์มาเวลกันมากขึ้น”

ตลาดเครื่องปรับอากาศซึ่งมีมูลค่ากว่า 6 หมื่นล้านบาท ที่วันนี้ด้วยสภาพเศรษฐกิจจึงยังเปิดกว้างให้ทั้งแบรนด์เล็กและแบรนด์ใหญ่โกยยอดขาย แต่ใครจะกวาดส่วนแบ่งตลาดไปได้มากน้อยแค่ไหน ยังต้องติดตามกันต่อไป 

 

หน้า 21-22 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 41 ฉบับที่ 3,658 วันที่ 4 - 6 มีนาคม พ.ศ. 2564