ดีเดย์ 20 ต.ค. จำกัดใช้ 3 สารเคมี คุมเข้มซื้อขาย-รับจ้างพ่นยา

14 ต.ค. 2562 | 08:25 น.
อัปเดตล่าสุด :14 ต.ค. 2562 | 17:36 น.
2.2 k

 

ดีเดย์ 20 ต.ค. 62 จำกัดใช้ 3 สารเคมีเจ้าปัญหา ล็อกสเปกเกษตรกร ผู้ขาย รับจ้างฉีดพ่น ต้องมีใบอนุญาต/ผ่านการอบรมถึงมีสิทธิซื้อหรือใช้ได้ “กฤษฎา” ยันเดินตามกฎหมายนี้จะเลิกอัตโนมัติภายในปี 63 ด้าน 2 นายกสมาคมฯ ชี้เลิกใช้เกษตรกรเดือดร้อนมากสุด

การแบนสารเคมีกำจัดศัตรูพืช 3 ชนิด ได้แก่ พาราควอต ไกลโฟเซต และคลอร์ไพริฟอส ยังฝุ่นตลบ แม้ล่าสุดรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องหลายกระทรวง ทั้งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สาธารณสุข อุตสาหกรรม ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ประกาศจุดยืนในการแบน 3 สารให้หมดไปจากเมืองไทย ท่ามกลางเสียงเชียร์ของผู้บริโภค และเอ็น
จีโอ แต่ก็มีเสียงค้านจากหลายภาคส่วน เช่น ชาวสวนปาล์มนํ้ามันที่ระบุยังจำเป็นต้องใช้สารพาราควอต หรือยาฆ่าหญ้า สมาคมผู้นำเข้าสารเคมีที่ทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีเพื่อคัดค้านมติคณะทำงาน 4 ฝ่ายที่ให้แบน 3 สารตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2562 ระบุยังไม่มีผลทางการแพทย์มายืนยัน

เรื่องนี้ที่สุดแล้วจะมีการประกาศ “แบน” หรือไม่ ต้องรอประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตรายที่จะพิจารณาและลงมติ ผลจะออกมาเป็นอย่างไรนั้นยังต้องลุ้น

อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านี้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยนายกฤษฎา บุญราช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ลงนามออกประกาศจำกัดการใช้สารเคมีเกษตรทั้ง 3 ชนิด จำนวน 5 ฉบับลงวันที่ 5 เมษายน 2562 ตามที่คณะกรรมการวัตถุอันตราย เห็นชอบให้ดำเนินการตามมาตรการจำกัดการใช้สารเคมี โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 20 ตุลาคม 2562

ดีเดย์ 20 ต.ค.  จำกัดใช้ 3 สารเคมี  คุมเข้มซื้อขาย-รับจ้างพ่นยา

 

นายกฤษฎา บุญราช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่าสาระสำคัญประกาศกระทรวงเกษตรฯทั้ง 5 ฉบับเมื่อกฎหมายมีผลบังคับใช้เกษตรกรที่มีความจำเป็นต้องใช้สารเคมีทั้ง 3 ชนิดต้องแสดงหลักฐานว่าได้ผ่านการอบรม ชนิดพืชที่ปลูก พร้อมจำนวนพื้นที่ปลูกเพื่อกำหนดปริมาณสารเคมีที่จะซื้อไปให้มีความเหมาะสมกับความต้องการใช้ เพื่อนำไปแสดงเป็นหลักฐานในการซื้อสารเคมีทั้ง 3 ชนิดกับร้านค้า ส่วนผู้รับจ้างพ่นยาต้องมีใบอนุญาต เช่นเดียวกับผู้ขายจะต้องขายให้เฉพาะเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนและผ่านการทดสอบเท่านั้น ส่วน
ผู้ผลิต ผู้นำเข้า และผู้ส่งออก จะต้องแจ้งข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการผลิต การนำเข้า การส่งออก การมีไว้ในครอบครองเพื่อขายหรือเพื่อใช้รับจ้าง

 

สำหรับการลงโทษตั้งแต่ผู้รับจ้างพ่นไม่มีใบอนุญาต ร้านค้าต้องขายให้กับเกษตรกรที่ผ่านการอบรมเท่านั้น ห้ามขายให้กับคนทั่วไป และผู้ผลิต นำเข้า และส่งออกหากแจ้งความเท็จ มีโทษปรับไม่เกิน 2 แสนบาท หรือจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือทั้งจำและปรับ

“เกษตรกรผู้ใช้สาร ผู้รับจ้างพ่นสาร พนักงานเจ้าหน้าที่ ผู้ขาย ผู้นำเข้า/ส่งออก ในพืช ได้แก่ ปลูกข้าวโพด มันสำปะหลัง ปาล์มนํ้ามัน ยางพารา อ้อย พืชไร่ ไม้ดอก และไม้ผล ต้องเข้ารับการอบรมถ่ายทอดความรู้ และ/หรือ ผ่านการทดสอบวัดผลความรู้ตามหลักสูตร การใช้สารเคมีอย่างถูกต้องปลอดภัย และต้องเป็นผู้ขึ้นทะเบียนการปลูกพืชกับกรมส่งเสริมการเกษตร การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) และสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและนํ้าตาลทราย ความจริงแล้วมาตรการต่างๆ เริ่มมา 1-2 ปีแล้ว หากใช้ตามกฎหมายนี้ปี 2563 จะเลิกโดยอัตโนมัติ แต่ยอมรับว่าอาจจะไม่ทันบางกลุ่มที่ต้องการให้ยกเลิกทันที”

นางเสริมสุข สลักเพ็ชร์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า แม้ว่ากฎหมายจะบังคับใช้แล้ว หากเกษตรกรที่มีความต้องการใช้ 3 สารเคมีดังกล่าว ทางกรมก็ยินดีสามารถที่จะเข้าอบรมได้ตลอด

ดีเดย์ 20 ต.ค.  จำกัดใช้ 3 สารเคมี  คุมเข้มซื้อขาย-รับจ้างพ่นยา

เสริมสุข สลักเพ็ชร์

ด้านดร.วีระวุฒิ กตัญญูกุล นายกสมาคมคนไทยธุรกิจการเกษตร กล่าวว่า ข้อมูลที่กล่าวอ้างของกลุ่มที่จะให้แบน 3 สาร เป็นเรื่องที่ยังพิสูจน์ไม่ได้ 3 สารนี้เป็น 70% ของตลาด ซึ่งในปี 2561 ไทยมีปริมาณนำเข้าสารมีทางการเกษตรทุกประเภททั้งสิ้น 1.70 แสนตัน มูลค่า 3.62 หมื่นล้านบาท จากปี 2560 นำเข้า 1.98 แสนตัน มูลค่า 2.79 หมื่นล้านบาท หากมีการแบนมองว่าผู้ที่เสียประโยชน์คือ เกษตรกร ส่วนผู้ประกอบการก็ไปขายตัวอื่นแทนได้ ไม่ได้เดือดร้อนอะไร

ดีเดย์ 20 ต.ค.  จำกัดใช้ 3 สารเคมี  คุมเข้มซื้อขาย-รับจ้างพ่นยา

วีระวุฒิ กตัญญูกุล

 

ดร.จรรยา มณีโชติ นายกสมาคมวิทยาการวัชพืชแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในส่วนของการแบน ไม่ได้เป็นห่วงในเรื่องของตัวสาร แต่เป็นห่วงกระบวนการของทางราชการไม่ว่าจะเป็นคณะกรรมการวัตถุอันตราย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรมวิชาการเกษตรถูกแทรกแซงเกินไปหรือไม่ จากปกติที่เคยแบนสารอันตรายในรอบกว่า 20 ปีร่วม 100 ชนิด จะมีขั้นตอนในการแบน ผู้ประกอบการและเกษตรกรไม่เคยมีปัญหาและออกมาเรียกร้องแบบนี้ แต่ในครั้งนี้เหมือนเป็นการหักดิบให้ยกเลิก กระแสสังคมเลยแรงมาก

ดีเดย์ 20 ต.ค.  จำกัดใช้ 3 สารเคมี  คุมเข้มซื้อขาย-รับจ้างพ่นยา

จรรยา มณีโชติ

“กฎหมายจำกัดการใช้จะมีผลบังคับใช้แล้ว มีการตั้งคำถามมากมายว่าคนที่เกี่ยวข้องที่ผ่านการอบรมจนเกิดความรู้แล้วจะอบรมทำไม เปลืองเงิน เสียเวลา จะแบนแล้วไม่ใช่หรือ”

 

 

ด้านนางสาวปรกชล อู๋ทรัพย์ เครือข่ายเตือนภัยสารเคมีกำจัดศัตรูพืช กล่าวว่าอยากให้มีการประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตรายก่อนวันที่ 27 ตุลาคม 2562 (กำหนดการเดิม) ซึ่งหากมีการประชุมหลังจากนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการฯ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมจะเป็นประธานแทนปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม และบางตำแหน่งอาจจะมีการปรับเปลี่ยนคณะกรรมการเกรงว่าจะทำให้การแบน 3 สารเลื่อนออกไปอีก

ดีเดย์ 20 ต.ค.  จำกัดใช้ 3 สารเคมี  คุมเข้มซื้อขาย-รับจ้างพ่นยา

ปรกชล อู๋ทรัพย์

หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับ 3,513 วันที่ 13-16 ตุลาคม 2562

ดีเดย์ 20 ต.ค.  จำกัดใช้ 3 สารเคมี  คุมเข้มซื้อขาย-รับจ้างพ่นยา