ชาติเดียวบนโลกมนุษย์

08 ก.ย. 2565 | 15:30 น.
อัปเดตล่าสุด :08 ก.ย. 2565 | 22:32 น.
1.9 k

คอลัมน์ข้าพระบาท ทาสประชาชน โดย...ประพันธุ์ คูณมี

ได้รับข้อความส่งมาทางไลน์ในกลุ่มเพื่อนศิษย์เก่านักศึกษาหลักสูตร "การบริหารจัดการด้านความมั่นคงขั้นสูง" หรือ สปวอ.มส.รุ่นที่ 1-10 ซึ่งเป็นหลักสูตรของ สมาคมวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร ที่มี พลเอกจรัล กุลละวณิชย์ เป็นนายกสมาคม และเป็นประธานหลักสูตร โดยมี พลเอกมารุต ปัทโชตะสิงห์ เป็นผู้อำนวยการหลักสูตรในขณะนั้น นักศึกษาจำนวนหลายพันคน แม้จบไปหลายปีแล้ว แต่ก็ยังมีความสัมพันธ์ติดต่อกันในรูปแบบกิจกรรมของชมรมและสมาคมศิษย์เก่าฯ ตลอดมา ห้องไลน์ก็เป็นช่องทางหนึ่งของการสื่อสารติดต่อและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันของสมาชิก ใครมีข่าวสาร ข้อมูลความรู้อะไรดีๆ ก็นำมาแชร์แบ่งปันกัน

 

ข้อความที่ผมได้รับมานั้น ท่านพลตรี อินทรัตน์ ยอดบางเตย เป็นผู้ส่งมาในไลน์กลุ่มเพื่อน อ่านแล้วทำให้รู้สึกว่าโดนใจครับ แม้ไม่ระบุชื่อผู้เขียนแต่ก็มีลีลาการนำเสนอที่น่าสนใจอย่างยิ่ง เมื่อพิจารณาแล้วไม่มีข้อความใดอันเป็นการหมิ่นประมาท หรือ ใส่ความผู้อื่นให้เสียหาย เป็นเพียงการบอกเล่าถึงความจริงที่เกิดขึ้นในแผ่นดินไทยยุคหนึ่งสมัยหนึ่ง ซึ่งข้อความก็ไม่ได้ระบุว่าเป็นเหตุปัจจุบัน หรือพาดพิงถึงใครอันเป็นการเฉพาะเจาะจง ผมจึงขอถือโอกาสนำมาบอกเล่าต่อครับ ซึ่งผู้เขียนใช้หัวข้อว่า "ชาติเดียวบนโลกมนุษย์" มีข้อความโดยละเอียดเป็นดังนี้

"ที่การแฉความเลวของนักการเมืองเลวๆ ไปทำให้ประชาชนด้วยกันเองไม่พอใจ มองเป็นศัตรู ขึ้นมึงขึ้นกูระรานไปจนถึงด่าทอด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย ชาติเดียวบนโลกมนุษย์ที่ประชาชนดีใจที่นักการเมืองโกงชาติหนีคุกไปต่างประเทศได้สำเร็จ ชาติเดียวบนโลกมนุษย์ที่ประชาชนดีใจที่นักการเมืองโกงชาติ ถูกยกเลิกคำสั่งยึดทรัพย์ ชาติเดียวบนโลกมนุษย์ที่ประชาชนอยากให้อดีตนักการเมืองโกงชาติกลับมาโกงต่อ ชาติเดียวบนโลกมนุษย์ที่ประชาชนมีความคิดว่า นักการเมืองโกง แต่ชาติเจริญ ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า ใช้สมองส่วนไหนคิด

 

และเมื่อคนแบบนี้มีสิทธิเลือกตั้ง เมืองไทยจึงจมปลักอยู่แต่กับการโกงกินของนักการเมืองไม่หลุดพ้นไปไหน ชาติเดียวบนโลกมนุษย์ที่ประชาชน เห็นดีเห็นงามกับการขายชาติ ถ้าหากเป็นฝีมือของนักการเมืองที่ตัวเองรัก เช่น เอา ปตท.ไปล็อคหุ้นขาย ไม่มีความรู้สึกหวงแหนสมบัติของชาติที่มาจากเงินภาษีของประชาชน คนยากคนจน ที่ต้องถูกปล้นเอาไป ชาติเดียวบนโลกมนุษย์ที่ประชาชนถือป้ายเชียร์ให้ขึ้นราคาแก๊ส สร้างความเดือดร้อนให้ตัวเอง หลังจากนโยบายลอยตัวขึ้นราคาแก๊สโกงประชาชน ของนักการเมืองสุดที่รักถูกคัดค้าน

ชาติเดียวบนโลกมนุษย์ที่ประชาชน ก่อจลาจลเผาบ้านเมืองตัวเองตามคำสั่งนักการเมือง จนพลาดท่าเจ็บ ตาย ติกคุกฟรีกันไปหลายคน ในขณะที่นักการเมืองก็ถีบหัวส่งไม่มาสนใจใยดี แต่กองเชียร์ก็รักไม่เสื่อมคลาย ชาติเดียวบนโลกมนุษย์ที่รัฐภาไม่ต่างอะไรกับซุ้มโจร มีทั้งกุ๊ย อันธพาล ผู้มีอิทธิพล เจ้าพ่อ มาเฟีย เจ้าของบ่อนการพนัน คนค้ายาเสพติด คนทำธุรกิจสีเทา คนขี้โกง คนโกหกตอแหลปลิ้นปล้อน วิปริตสุดๆ แต่ประชาชนส่วนใหญ่ก็ไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไร ยังไปคาดหวังว่าคนกเฬวรากเหล่านั้น จะทำให้ชาติบ้านเมืองเจริญรุ่งเรืองขึ้นมาได้ โดยไม่คิดหาทางปฏิรูปแก้ไข เสื่อมสติปัญญาขนาดไหนก็คิดกันเอาเอง

 

ชาติเดียวบนโลกมนุษย์ที่ประชาชน รักนักการเมืองโกงชาติ มากกว่ารักชาติบ้านเมืองตัวเอง คนไทยมาถึงจุดนี้กันแล้ว จุดที่ไม่มีชนชาติไหนเขาเป็นกัน วิญญาณบรรพบุรุษคงงงเป็นไก่ตาแตก ชาติเดียวบนโลกมนุษย์ที่ไร้อนาคต เพราะนอกจากนักการเมืองมีแต่ความชั่วร้ายแล้ว ประชาชน....?

 

วันนี้คนปกติ กำลังอยู่ในสังคมที่ไม่ปกติชนิดที่ต้องเรียกว่า ป่วยหนัก ถือเป็นสัญญาณอันตรายของการล่มสลายของชาติ ซึ่งถ้าหากประชาชนที่เสียสติ ไม่พยายามดึงสติตัวเองกลับคืนมา ให้มีความนึกคิดแบบคนปกติ ก็ไม่พ้นต้องสิ้นชาติ เพราะการคอร์รัปชันของนักการเมือง มันคือการทำลายชาติ ไม่จริงตรงไหนเอาปากกามาวง!!! "

 

ข้อความจากข้อเขียนนิรนามดังกล่าว จบลงด้วยคำถามที่ท้าทาย ว่าไม่จริงตรงไหนอย่างไร ผมอ่านแล้วบอกตรงๆ ครับโดยส่วนใหญ่เอาปากกามากาถูก ไม่กล้าโต้แย้ง เห็นด้วยเกือบหมด แต่ก็มีความเห็นต่างอยู่บ้างบางประเด็นเท่านั้นว่า ประชาชนส่วนใหญ่รู้ว่า นักการเมืองในอดีตโกงและทำลายชาติบ้านเมืองอย่างไร พวกเขาได้ลุกขึ้นสู้อย่างกล้าหาญ และเรียกร้องให้ปฏิรูปประเทศในทุกๆ ด้านเสียใหม่ หยุดอำนาจโกงของนักการเมืองเสีย เปิดทางให้คนดีๆ เข้ามาบริหารบ้านเมือง แต่การต่อสู้ของประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่สำเร็จบรรลุเป้าหมายเท่านั้น แม้ว่าพวกเขาต้องเสียสละ สูญเสียแม้ชีวิตไปคนแล้วคนเล่าก็ตาม จึงเป็นภารกิจของคนรุ่นต่อๆ มาที่จะสานต่อภารกิจนี้ต่อไปอย่างไรเท่านั้น

ชาติเดียวบนโลกมนุษย์

ผมจึงไม่เห็นด้วยที่จะตำหนิประณามประชาชนแต่ฝ่ายเดียว เพียงเพราะมีประชาชนบางจำพวกเท่านั้น ที่ทำตนอย่างที่ข้อความเขียนตำหนิประณาม เพราะอิทธิพลอำนาจเงินของนักการเมืองโกง ยังสามารถใช้ผีโม่แป้ง จ้างคนชั่วมารับใช้ สร้างภาพ สร้างกิจกรรมมาสรรเสริญเยินยอตัวเองไม่ให้หลุดไปจากสนามการเมือง สร้างภาพคนชั่ว คนโกง ให้ดูเสมือนเป็นคนดี เท่านั้นเอง เพราะเงินโกงยังใช้ไม่หมด และอำนาจรัฐใหม่ไม่ยอมกวาดล้าง เขาจึงพยายามหวนคืนเวทีการเมือง ป่วนประเทศต่อไป

 

ส่วนประชาชนบางจำพวกที่หลงชื่นชม เห็นผิดเป็นชอบ เห็นกงจักรเป็นดอกบัว ก็เพราะคนเหล่านั้น อาจยังได้รับข้อมูลความรู้และการศึกษาไม่มากพอ จึงหลงผิดไป หากมีผู้นำการเปลี่ยนแปลงประเทศที่ดี ก็จะสามารถดึงสติประชาชนกลับคืนมาได้

 

อย่างไรก็ตาม ก็ต้องขอชื่นชม พลตรี อินทรัตน์ ยอดบางเตย ที่กล้าหาญส่งข้อความดีๆ มาให้เพื่อนพ้องน้องพี่ได้อ่าน เพราะคนที่มีประสบการณ์ในราชการทหาร มายาวนาน เคยเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ กระทั่งกระโดดเข้าสู่วงการการเมือง เคยเป็นรองหัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตย ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีหลายกระทรวง เห็นการเมืองและเหตุการณ์บ้านเมืองมามาก เคยทำงานร่วมกับนักการเมืองมาหลายคน ย่อมมีประสบการณ์มากพอที่บอกต่อกับคนรุ่นหลังๆว่า บ้านเมืองถูกทำลายเสียหายมาจากสาเหตุใด และเราควรจะก้าวเดินต่อไปอย่างไร

 

หากประชาชนเพิกเฉยในหน้าที่พลเมืองที่ดีแล้ว เราก็อาจเป็นประเทศเดียวบนโลกใบนี้ ที่ความวิปริตทางการเมืองดังกล่าว อาจนำพาชาติบ้านเมืองของเราให้ล่มสลายลงได้ ด้วยเหตุนี้ เมื่อมีผู้เตือนด้วยปารถนาดี ไม่ว่าท่านผู้นั้นจะเป็นใครก็ตาม เมื่อรับฟังได้และมีเหตุผล มีน้ำหนักให้น่ารับฟัง เราท่านและประชาชนทั้งหลายจึงต้องควรรับฟังครับ