ฟังความ 2 ข้าง ปม“ศักดิ์สยาม”ซุกหุ้น

23 ก.ค. 2565 | 08:30 น.
อัปเดตล่าสุด :23 ก.ค. 2565 | 18:07 น.
554

คอลัมน์ฐานโซไซตี โดย..ว.เชิงดอย

*** คอลัมน์ฐานโซไซตี หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3883 ระหว่างวันที่ 24-27 ก.ค.2565 โดย “ว.เชิงดอย” ประจำการนำเสนอข้อมูลข่าวสาร ที่มีสาระ เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะเช่นเคย


*** จบไปแล้วสำหรับ “ศึกซักฟอก” บิ๊กตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ 10 รัฐมนตรี เป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งสุดท้ายสำหรับ “รัฐบาลประยุทธ์ 2” 

*** รัฐมนตรีหลายคนก็สะบักสะบอมไปตามระเบียบ แต่คนที่เจอ “หนักสุด”  เห็นจะเป็น บิ๊กโอ๋-ศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ที่เจอ ปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวหาว่า ยืมชื่อ “นอมินี” มาถือครองหุ้นกิจการแทนตัวเอง ทำทีว่าขาดจากกิจการไปแล้วเพื่อเป็นรัฐมนตรี แต่ความจริงคือเป็นรัฐมนตรีไปพร้อมๆ กับเป็นเจ้าของกิจการ ซึ่งทำธุรกิจเข้าประมูลงานกับกระทรวงคมนาคม ที่ “ศักดิ์สยาม” ดำรงตำแหน่ง ถือเป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์


*** ปกรณ์วุฒิ อภิปรายว่า เมื่อปี 2558-2561 นายศักดิ์สยาม ถือหุ้นใน หจก.บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น เกือบ 100% จากนั้นมีการถอนหุ้นและกลับมาถือหุ้น กระทั่งปี 2561 โอนหุ้นทั้งหมดอีกครั้ง คำถามคือขายกิจการจริงหรือไม่ หรือแค่เปลี่ยนชื่อ ปรากฏว่า “นายเอ” มารับช่วงต่อ แต่ไม่ปรากฏหลักฐานการจ่ายเงินแต่อย่างใด ซึ่งนาย “นายเอ” เป็นผู้ถือหุ้น 4 แห่ง โดย 3 แห่งมีสถานะร้าง และเหลือเพียงแห่งเดียวที่ยังดำเนินกิจการอยู่ ซึ่งมีที่ตั้งเดียวกับ หจก.บุรีเจริญฯ แต่บริษัทนี้ไม่มีรายได้มาแล้วอย่างน้อย 3 ปีติดต่อกัน ยิ่งสืบยิ่งพบเหตุการณ์แปลกที่บ่งชี้ว่า “นายเอ” เป็นเพียง “นอมินี” ของคนในอาณาจักรชิดชอบ เพราะเป็นลูกจ้างรับเงินเดือน 9,000 บาท จาก บจก.ศิลาชัย บุรีรัมย์ (1991) เป็นบริษัทในเครือญาติของ นายศักดิ์สยาม ที่แปลกคือ “นายเอ” เป็นลูกจ้าง และเป็นเจ้าหนี้ บจก.ศิลาชัย โดยให้กู้เงิน 250 ล้านบาท แบบไม่คิดดอกเบี้ยและไม่ทำสัญญา นอกจากนั้น บริษัทยังระบุว่า ขาดสภาพคล่อง ซึ่งน่าจะมาจากการนำเงินไปซื้อเครื่องบินรุ่นเดียวกับที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล มีไว้ในครอบครอง ราคา 12 ล้านบาท ที่ตนได้ยินแว่วว่า เครื่องบินลำนี้อยู่แถวจังหวัดบุรีรัมย์

*** ปกรณ์วุฒิ อภิปรายอีกว่า ปี 2560 บริษัทศิลาชัย เอาเงินไปซื้อเครื่องบินรุ่นเดียวกับ นายอนุทิน ใช้เงิน 12 ล้านบาท ถูกระบุในความเห็นผู้สอบบัญชีว่า กิจการได้ซื้อเครื่องบินส่วนบุคคล 1 เครื่องเป็นเงินสด ราคาที่ซื้อ เป็นราคาที่ไม่ผ่านระบบภาษีใดๆ มีการทำสัญญาซื้อขาย ผู้ขายเป็นบุคคลธรรมดา ผู้ซื้อเป็นนิติบุคคล ไม่มีเอกสารของทางราชการเกี่ยวกับการโอนกรรมสิทธิ์ใดๆ ส่วนเครื่องบินจะเก็บรักษาไว้ที่ใด มีความเป็นมาอย่างไร ไม่ทราบ ผู้สอบบัญชีไม่รู้ว่าอยู่ไหน แต่ผมได้ยินมาว่ามีคนเห็นเครื่องบินลำนี้ที่สนามบินบุรีรัมย์อยู่บ่อยๆ ไม่แน่ใจว่าท่านัรฐมนตรีเคยขึ้นเครื่องบินลำนี้หรือไม่


*** ส.ส.พรรคก้าวไกลผู้นี้ ระบุด้วยว่า บจก.ศิลาชัย ยังให้ นายศักดิ์สยาม กู้เงิน 88 ล้านบาทแบบไม่คิดดอกเบี้ย และปี 2562 แม้มีการคืนเงินกู้บางส่วน แต่บริษัทยังเป็นหนี้ “นายเอ” 143 ล้านบาท ปรากฏว่า บริษัทควักเงิน 4.7 ล้านบาท บริจาคให้พรรคภูมิใจไทย นอกจากนั้น “นายเอ” ยังควักให้พรรคอีก 2.7 ล้านบาท และเอาเงินของบริษัทไปบริจาคเพิ่มอีก 4.8 ล้านบาท ถือเป็นความซับซ้อนเกินกว่าจะเป็นความจริง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบ่งชี้ว่า นายเอ มีพฤติกรรมเป็นเพียง “นอมินี” ให้นายศักดิ์สยาม ยืมชื่อทำธุรกรรมทางบัญชีในกงสีของตัวเอง


*** “ช่วง นายศักดิ์สยาม เป็น รมว.คมนาคม หจก.บุรีเจริญฯ ได้งานจากกระทรวงเป็นพันล้าน และมีหลายอย่างที่ผิดปกติ เฉพาะปี 2563 เฉพาะการเซ็นสัญญาระหว่างเดือน เม.ย.-พ.ค. เพียง 3 เดือนเท่านั้น ได้งานจากแขวงทางหลวงชนบท มีมูลค่า 260 ล้านบาท และราคาชนะประมูลก็ห่างจากราคากลางเฉลี่ย 0.13% ซ้ำบริษัทคู่เทียบมีเพียงบริษัทเดียว ซึ่งเป็นบริษัทที่บริจาคเงินให้พรรคภูมิใจไทย 5 ล้านบาท ในเดือน ม.ค.2562 แบบนี้ให้ใครดูเขาก็ว่าฮั้วครับ ชัดขนาดนี้ เอาธุรกิจตัวเองเข้ามารับงานกระทรวงที่ตัวเองเป็นรัฐมนตรีก็ว่าผิดแล้ว ยังมีพฤติกรรมที่เป็นการฮั้วประมูลอย่างชัดเจน


*** ไปฟังการแก้ข้อกล่าวหาของ “รมต.ศักดิ์สยาม” ที่ชี้แจงประเด็นดังกล่าวว่า เรื่องนี้มีการซื้อขายกันจริง กับ นายศุภวัฒน์ เกษมสุทธิ์ ซึ่งเป็นเพื่อนของตนเอง ตั้งแต่วันที่ 16 ม.ค.2561 ได้โอนเงินเสร็จเรียบร้อย มีหลักฐานยืนยันจากธนาคารธนชาต สาขาบุรีรัมย์ รับโอนรวม 3 ครั้ง วงเงิน 119.50 ล้านบาท แบ่งเป็นวันที่ 2 ส.ค.2560 จำนวนน 35 ล้านบาท, วันที่ 5 ก.ย.2560 จำนวน 35 ล้านบาท และ วันที่ 5 ม.ค.2561 จำนวน 49.50 ล้านบาท เรื่องนี้มีการซื้อขายจริง มีการเปลี่ยนหนังสือรับรองของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เมื่อวันที่ 28 มี.ค.2561 แสดงให้เห็นว่าตนไม่ได้เกี่ยวข้องกับ หจก.บุรีเจริญ อีกเลย ดังนั้น สิ่งที่ผู้ถือหุ้น หรือ หจก.บุรีเจริญ ไปดำเนินธุรกิจ ดำเนินธุรกรรมอะไรก็เป็นเรื่องของเขา ผมไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้อง ถ้าสงสัยอะไรก็คงต้องไปสอบถามกับ หจก.บุรีเจริญ

                                   ฟังความ 2 ข้าง ปม“ศักดิ์สยาม”ซุกหุ้น
*** ส่วนที่ซักถามว่าการซื้อขายหุ้นครั้งนี้ไม่ได้ยื่นหลักฐานไปยังกรมพัฒนาธุรกิจการ นายศักดิ์สยาม ชี้แจงว่า เป็นไปตามหลักเกณฑ์กรมพัฒนาธุรกิจการค้าว่า กรณีที่ต้องยื่นมีเรื่องเดียวคือ กรณีที่มีการเพิ่มเงินลงทุน ส่วนที่มีการโอนหุ้นซื้อขายถูกต้อง ไม่ต้องยื่น แต่ก็มีหลักฐานอย่างที่เห็นทั้งหมด ก็ต้องเรียนว่า ตั้งแต่ 28 มี.ค.2561 ตนไม่เกี่ยวข้องกับ หจก.บุรีเจริญ แต่อย่างใด เงินที่ได้รับจากการขายหุ้นนั้น เป็นเรื่องส่วนตัวที่จะนำไปใช้อะไร ซึ่งคิดว่าคงไม่ต้องมารายงานต่อท่านสมาชิก ส่วนประเด็นที่ไม่มีการรายงานทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. สำหรับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนั้น ขอเรียนว่าเป็นกิจกรรมที่เกิดขึ้นตั้งแต่ยังไม่เข้าสู่ตำแหน่ง เนื่องจากตนเข้าสู่ตำแหน่ง ส.ส.เมื่อวันที่ 5 พ.ค.2562 ตามกฎหมายต้องแจ้งบัญชีทรัพย์สินที่มี ณ ขณะนั้นภายใน 30 วัน ซึ่งได้ดำเนินการเรียบร้อย ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นก่อน ไม่ได้อยู่ในบังคับที่จะต้องชี้แจง


*** ต่อประเด็นการฮั้วประมูลงานของกระทรวงคมนาคมนั้น นายศักดิ์สยาม ชี้แจงว่า ไม่มีโอกาสที่จะเป็นเช่นนั้น และยืนยันว่าไม่เป็นความจริงตั้งแต่ตอนเข้ามารับตำแหน่งรมว.คมนาคม ได้ให้นโยบายกับข้าราชการของกระทรวงคมนาคมในการปฏิบัติงานอยู่ 4 ข้อ คือต้องปฏิบัติงานให้เป็นไปตามระเบียบกฎหมายต้องถูกต้องตามมติครม ต้องเป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล และต้องรับฟังความคิดเห็นของประชาชน เพราะฉะนั้นข้อกล่าวหาที่มีการฮั้วประมูลงานของกระทรวงคมนาคมเป็นไปไม่ได้ …นำทั้งข้อกล่าวหา และคำชี้แจงของผู้เกี่ยวข้องมาให้ได้อ่านกันทั้ง 2 ฝ่าย เพื่อให้ท่านผู้อ่านได้ใช้วิจารณญาณตัดสินใจเองว่าจะเชื่อใครดี ส่วนจะมีการนำเรื่องนี้ไปยื่นให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบเรื่องนี้ต่อหรือไม่ ต้องรอติดตามดูกันต่อไป... 

                           เชฟไอซ์ ศุภักษร จงศิริ
*** ขอแสดงความยินดีกับ  “ศรณ์ (SORN)” ร้านอาหารปักษ์ใต้ คนไทยคนแรกที่ได้รับการโหวตจากนักชิม (Voter) ทั่วโลกให้เป็นร้านอาหารที่ดีที่สุดลำดับที่ 39 ของโลก จากงาน The World’s 50 Best Restaurants 2022 ซึ่งจัดขึ้น ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 18 ก.ค.2022 ที่ผ่านมา โดยเป็นร้านอาหารไทยร้านแรกและร้านเดียวจากประเทศไทย ที่สามารถก้าวเข้าสู่อันดับ Top 50 ของโลกได้อย่างน่าภาคภูมิใจ “เชฟไอซ์ ศุภักษร จงศิริ” ผู้รังสรรคและนำเสนออาหารปักษ์ใต้สู่เหล่านักชิมอาหารทั่วโลก เป็นเชฟผู้เปี่ยมด้วยแรงบรรดาลใจในการทำอาหารและหัวเรือใหญ่ของร้านศรณ์ ได้พาทีมงานคนสำคัญที่มีส่วนร่วมสร้างความสำเร็จกว่า 10 ชีวิตตบเท้าเข้ารับรางวัลในงานครั้งนี้ด้วย พร้อมเผยความรู้สึกว่า เหลือเชื่อที่เราได้เป็นคนแรก ร้านอาหารไทยแท้ เชฟไทยที่ถูกเสนอชื่อ ผลงานการรังสรรค์การทำอาหารของเราได้รับการจัดอันดับเป็นร้านอาหาร Thai Authentic ที่เข้ารอบสูงที่สุดในช่วงเวลาประวัติศาสตร์ 20 ปี ผมเองคงไม่สามารถประสบความสำเร็จได้มากขนาดนี้ และคงไม่ได้มาไกลถึงขนาดนี้ถ้าขาดทีมงานที่รักและทุ่มเทของร้านศรณ์ รวมถึงเกษตรกร และชาวประมงไทยที่จัดหาผลิตผลคุณภาพเยี่ยมให้เราได้นำมาใช้ทำอาหาร