“ทักษิณ”สะดุด 112

03 พ.ย. 2564 | 08:47 น.
อัปเดตล่าสุด :03 พ.ย. 2564 | 18:47 น.
8.5 k

รายงานหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ

ภายหลัง พรรคเพื่อไทย (พท.) จัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2564 ที่จังหวัดขอนแก่น เมื่อวันที่ 28 ต.ค. 2564 ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติขอนแก่น โดยมีสมาชิกพรรคเพื่อไทยเข้าร่วมอย่างคึกคัก ภายใต้ชื่องาน “พรุ่งนี้เพื่อไทย เพื่อชีวิตใหม่ของประชาชน”  

ไฮไลท์สำคัญ และที่สร้าง “เซอร์ไพรส์” ขึ้น ก็คือ การเปิดตัว อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร บุตรสาวคนเล็กของ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เข้ารับตำแหน่งประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม ของพรรคเพื่อไทย
 

ว่ากันว่า การส่ง “อุ๊งอิ๊ง” เข้ามาคุมพรรคเพื่อไทย ของตระกูล “ชินวัตร” เพื่อส่งสัญญาณว่า “นายใหญ่-นายหญิง” ไม่ทิ้งพรรคเพื่อไทย และเพื่อให้เลือดหยุดไหล แก้ปัญหาส.ส.ทิ้งพรรค 
 

การเข้ามาของ “อุ๊งอิ๊ง” สร้างความคึกคักให้กับบรรดาสมาชิกพรรคเพื่อไทย เป็นอย่างมาก ถึงกับวาดฝันไว้ว่า การเลือกตั้งส.ส.ที่จะเกิดขึ้น พรรคเพื่อไทยจะชนะเลือกตั้งชนิด “แลนด์สไลด์”แน่นอน  
 

และที่สำคัญ "อุ๊งอิ๊ง" ประกาศกลางวงประชุมใหญ่ของพรรคเพื่อไทยในวันนั้นว่า “แม้จะไม่ใช่นักการเมือง แต่ขอมุ่งมั่นทำงานด้วยความตั้งใจจริงในฐานะคนไทยคนหนึ่ง ในฐานะลูกของคุณพ่อ (ทักษิณ ชินวัตร) ที่ไม่เคยลืมบุญคุณแผ่นดินไทย ไม่เคยลืมพี่น้องคนไทยที่ไม่เคยลืมท่าน และคุณพ่อหวังว่าจะได้กลับมากราบแผ่นดินไทยอีกครั้ง และกราบผู้มีพระคุณ”

อีกด้านหนึ่งการส่ง "อุ๊งอิ๊ง" เข้ามาคุมพรรคเพื่อไทย ก็คาดหวังให้ช่วยดึงคะแนนเสียงจากคนรุ่นใหม่ จาก “พรรคก้าวไกล” 
 

แต่ภายหลัง “อุ๊งอิ๊ง” เข้ารับตำแหน่งประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม ของพรรคเพื่อไทย ได้ไม่กี่วัน

 

เพื่อไทยแก้ม.112-116
 

จู่ ๆ เมื่อวันที่ 31 ต.ค.2564 ที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทย ก็ได้ออกแถลงการณ์ ลงนามโดย นายชัยเกษม นิติสิริ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็น 1 ใน 3 แคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทย อดีตเคยเป็นอัยการสูงสุด 
 

สรุปประเด็นสำคัญของเนื้อหาแถลงการณ์ดังกล่าวก็คือ 

 

1.อ้างถึงปัญหาการใช้กฎหมายอาญาดำเนินคดีเพื่อจำกัดความคิดเห็นทางการเมืองที่แตกต่างอย่างล้นเกิน โดยเฉพาะ ม. 112 กับ ม.116 (ยุยงปลุกปั่น) รวมทั้ง พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ

 

2.การบังคับใช้กฎหมายเหล่านี้ ทำให้ประชาชนสงสัยว่าไม่เป็นไปตามหลักนิติรัฐ นิติธรรม

 

3.มีภาคประชาชนเรียกร้องและเสนอร่างแก้ไขข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง พรรคเพื่อไทย ในฐานะที่มี ส.ส.มากที่สุดในสภาฯ พร้อมนำข้อเสนอเข้าสู่วาระการประชุมรัฐสภา ทั้งเพื่อตรวจสอบระบบการทำงานของบุคคลในกระบวนการยุติธรรม ตรวจสอบการสั่งการโดยรัฐบาล และแก้ไขกฎหมาย รวมถึงระเบียบปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม

 

4.เป้าหมาย คือ เพื่อให้นักโทษทางความคิดได้รับการปล่อยตัว และไม่ให้เกิดนักโทษทางความคิดเพิ่มขึ้นอีก

 

 

เนื้อหาม.112-ม.116

 

สำหรับประมวลกฎหมายอาญา ม.112 บัญญัติไว้ว่า "ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3 ปีถึง 15 ปี" 

ขณะที่ประมวลกฎหมายอาญา ม.116 บัญญัติว่า “ผู้ใดกระทําให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือหรือวิธีอื่นใดอัน มิใช่เป็นการกระทําภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต
 

 

(1) เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในกฎหมายแผ่นดินหรือรัฐบาล โดยใช้กําลังข่มขืนใจ หรือใช้กําลังประทุษร้าย

(2) เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนถึงขนาดที่จะก่อ ความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร หรือ

(3) เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน 7 ปี”

 


“ทักษิณ”ไม่พอใจ

ภายหลังแถลงการณ์ดังกล่าวออกไป มีแหล่งข่าวจากพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ได้สร้างความไม่พอใจให้กับ ทักษิณ ชินวัตร เป็นอย่างมาก เพราะเพิ่งเปิดตัว “อุ๊งอิ๊ง” เข้ามาคุมพรรคเพื่อไทย เพื่อต้องการให้เลือดหยุดไหล ไม่ให้ส.ส.ย้ายพรรค เพื่อเป้าหมายสำคัญคือ การตั้งรัฐบาล แต่พอมาเป็นอย่างนี้ ก่อให้เกิดปฎิกิริยาต่อต้านการกลับสู่อำนาจของเพื่อไทย และ ทักษิณ 
 

ขณะที่นักวิเคราะห์ทางการเมือง มองการเสนอแก้ไข ม.112 และ ม.116 ของพรรคเพื่อไทยว่า ทำให้ “เกม” เปลี่ยน จะทำให้กลายเป็นว่า พรรคเพื่อไทย เดินเข้าสู่โหมดเดียวกันกับ “พรรคก้าวไกล” นั่นคือ การต่อต้านสถาบัน ไม่เอา ม.112  
 

เรื่องนี้จะทำให้ประชาชนเกิดความเคลือบแคลงใจพรรคเพื่อไทย เป็นอย่างมาก และหากเป็นอย่างนี้ใครจะกล้าสนับสนุนพรรคเพื่อไทย

 

 

แก้ม.112 ต้องอธิบายมาก
 

ด้าน นายสุทิน คลังแสง ส.ส.พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวถึงกรณีพรรคเพื่อไทยจะเสนอร่างแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา ม. 112 ของตัวเอง หรือจะเข้าชื่อร่างเดียวกับพรรคก้าวไกล ว่า เรื่องนี้ต้องถาม นายชัยเกษม นิติสิริ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย
 

ผู้สื่อข่าวถามว่าในฐานะที่เป็นผู้คุมเสียงฝ่ายค้านในสภาฯ มองแนวโน้มในการผลักดันแก้ ม.112 อย่างไรบ้าง จะมีการติดขัดหรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า เรายังไม่ได้คุยกันจึงยังไม่รู้ท่าทีของพรรคร่วมฝ่ายค้านว่า จะดำเนินการอย่างไร
 

“เรื่องนี้ต้องใช้การอธิบายที่สูงกว่าทุกเรื่อง ต้องใช้เวลาในการอธิบายให้ทุกคนได้รู้ถึงเจตนาที่แท้จริง เชื่อว่าหากอธิบายมากๆ จนทุกคนเข้าใจ ทุกอย่างก็เป็นไปได้ แต่หากอธิบายน้อย สื่อสารน้อยอาจจะเป็นอุปสรรคหนึ่ง” นายสุทิน ระบุ

 

พปชร.ไม่แตะม.112

 

ขณะที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกรณีพรรคก้าวไกล และ พรรคเพื่อไทย เสนอร่างแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา ม.112 และ ม.116 ว่า พรรคพลังประชารัฐ มีจุดยืนชัดเจนเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์ คือจะต้องดำเนินการเป็นไปตามที่พรรคได้ให้ไว้ 
 

“เกี่ยวกับเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์จะต้องอยู่ต่อไป เพราะสถาบันพระมหากษัตริย์ได้สร้างประเทศชาติ พรรคพลังประชารัฐไม่เอาด้วยแน่นอน แต่เราจะรับฟังข้อคิดเห็นจากประชาชนทั่วไป เราจะช่วยเหลือประชาชนให้อยู่ดีกินดี ให้อยู่ร่วมกันอย่างสันติ”
 

ผู้สื่อข่าวถามว่ามีความเป็นห่วงหรือไม่หากอภิปรายในสภาฯ ในเรื่องนี้ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่ห่วง ฝ่ายรัฐบาลจะต้องดำเนินการและทุกพรรคต้องร่วมกัน

 

“แรมโบ้”อัดพท.แก้ม.112

 

นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การที่จะเสนอแก้กฎหมาย 2 มาตรานี้เข้าสภาฯ ถือเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง เพียงเพราะผลประโยชน์ และสำหรับปกป้องการกระทำความผิดของบางกลุ่มหรือพรรคการเมืองบางพรรคเท่านั้น 
 

“การกระทำเช่นนี้จะทำให้คนไทยที่รักสถาบันหูตาสว่างขึ้นว่า พรรคเพื่อไทยที่แท้ก็คืออีแอบที่เกี่ยวข้องเรื่องการคิดจาบจ้วงก้าวล่วงของม็อบสามกีบและคณะราษฎรตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาอย่างนั้นใช่ไหม”
 

นายเสกสกล ตั้งข้อสังเกตว่า การที่พรรคเพื่อไทยออกมาสนับสนุนเสนอแก้กฎหมาย ม.112 และ ม.116 นั้น อาจเป็นเพราะว่าก่อนหน้านี้อาจสนับสนุนกลุ่มเคลื่อนไหวม็อบ 3 นิ้วอยู่เบื้องหลัง แต่พอรู้ว่าจะเคลื่อนไหวไม่สำเร็จ จึงออกมาเปิดเผยตัวและใช้ความเป็นนักการเมือง ใช้สภาฯ เป็นช่องทางในการแก้ไขกฎหมายแทน
 

นอกจากนี้ตั้งแต่ได้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวนายใหญ่ นายทักษิณ ชินวัตร เป็นประธานคณะที่ปรึกษาฯ  จึงทำให้พรรคเพื่อไทยรีบเสนอแก้กฎหมาย เพื่อเป็นการเอาใจนายใหญ่ด้วยหรือไม่ หรือนายใหญ่สั่งมา ต้องกล้าเอาความจริงออกมาพูด