ผู้สูงวัยที่หัวใจอ่อนแอ

29 ก.ค. 2566 | 05:26 น.
อัปเดตล่าสุด :29 ก.ค. 2566 | 06:04 น.

ผู้สูงวัยที่หัวใจอ่อนแอ คอลัมน์ชีวิตบั้นปลายของชายชรา โดย กริช อึ้งวิฑูรสถิตย์

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาเป็นวันหยุดราชการ เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา ขององค์สมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ขอจงทรงพระเจริญ ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะฯ 
           
ทางรัฐบาลเองได้ประกาศให้วันจันทร์ที่ 31 เป็นวันหยุดในกรณีพิเศษ พนักงานของบางบริษัทก็เลยได้โอกาสหยุดยาวไปจนถึงวันที่ 2 สิงหาคมกันเลยทีเดียวครับ หลายๆ ท่านก็อาศัยช่วงหยุดยาวนี้ ไปท่องเที่ยวตามต่างจังหวัดกัน บางท่านอาจจะเดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศเลยก็มี ผมเองไม่ได้หยุดงานเหมือนคนอื่นเขา เพราะมีภาระที่จะต้องทำอีกเยอะ 

โดยในวันศุกร์ที่ผ่านมา ผมได้นัดเพื่อนส.ว.สองท่านไว้ เลยไปนั่งดื่มกาแฟและทานอาหารกลางวันกัน ทานเสร็จช่วงที่กล่าวลากัน ผมได้ยินเพื่อนท่านหนึ่งถามอีกท่านหนึ่งว่า “คุณไปเปลี่ยนแบตเตอรี่หรือยัง?” ซึ่งอีกท่านที่ถูกถามก็ตอบไปว่า “ของผมยังเหลือเวลาอีกสองสามเดือน ไว้รอให้ครบกำหนดก่อนค่อยไปเปลี่ยนครับ” ท่านแรกจึงพูดต่อว่า “ทางที่ดี อย่ารอให้แบตเตอรี่หมดก่อน แล้วจึงเปลี่ยนนะครับ เดี๋ยวจะไม่ทันการเสียก่อน” 

ในตอนแรกของการสนทนา ผมเองก็เข้าใจว่าเป็นแบตเตอรี่รถยนต์ แต่ที่ไหนได้ กลับเป็นแบตเตอรี่ที่ใช้ในการกระตุ้นหัวใจ เพราะท่านที่ถูกถามนั้น ได้ไปผ่าตัดหัวใจมาหลายปีแล้ว เพื่อฝังแบตเตอรี่ไว้สำหรับกระตุ้นการเต้นของหัวใจไว้ที่ทรวงอก ส่วนท่านแรกที่ถาม ผมฟังคำสนทนาของท่านแล้ว ก็เข้าใจได้ว่า ตัวท่านเองก็มีอาการเป็นโรคหัวใจด้วยเช่นกัน คงจะไม่ต้องอธิบายมากว่าก่อนหน้านี้ ต้องมีอาการไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันแน่นอนครับ
            
ปัจจุบันนี้ในประเทศไทยเรา ผู้สูงวัยที่มีอาการโรคหัวใจผิดปกติหรือที่เป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน หรือโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ซึ่งส่วนใหญ่จะเกิดกับผู้สูงวัย ที่ไม่ค่อยระมัดระวังตัวเอง จึงทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนของผนังหลอดเลือดแดง ทำให้ท่อหลอดเลือดหัวใจตีบตัน อันนำมาซึ่งสาเหตุของการได้ไปเฝ้าเง็กเซียนฮ่องเต้เร็วกว่าที่ควรจะเป็นมากขึ้น อย่างมีนัยยะเลยทีเดียว 

เราจึงควรจะต้องระมัดระวังและเตือนตัวเองไว้เสมอว่า เราไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะ หัวใจและอวัยวะของตัวเรา ก็ใช้งานมาหลายสิบปีแล้ว ดังนั้นควรจะต้องไปตรวจเช็คร่างกายบ้าง เพื่อความปลอดภัยสำหรับตัวเองอย่างสม่ำเสมอนะครับ

สำหรับบางท่านอาจจะถามว่า แล้วโรคหัวใจตีบตันมันเกิดขึ้นได้อย่างไรล่ะ? ต้องบอกว่าส่วนใหญ่สาเหตุของโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน มักเกิดจากการอักเสบและการเสื่อมสภาพของหลอดเลือดหัวใจ ซึ่งจะมีปัจจัยใหญ่ๆ อยู่สองประการ คือ ปัจจัยที่สามารถควบคุมได้ ซึ่งจากการแพทย์ในปัจจุบันสามารถรักษาได้ไม่ยาก เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิต และพฤติกรรมของตัวเราเอง เช่น การสูบบุหรี่ การรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง การดื่มหรือรับเอาสิ่งที่ไม่ควรจะรับเข้าสู่ร่างกาย เป็นต้น 

ส่วนอีกหนึ่งปัจจัย คือปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ เช่น เพศ อายุ พันธุกรรมในครอบครัว ที่เป็นตัวเร่งให้เกิดโรคหัวใจตีบตันได้ เมื่อโรคต่างๆ ที่กล่าวมาข้างต้น เข้าสู่ภาวะที่รุนแรงมากขึ้น จนทำให้เส้นหลอดเลือดตีบตันเยอะมากขึ้น ผู้สูงวัยหรือผู้ป่วยก็จะมีอาการแน่นหน้าอก เหนื่อยง่าย โดยที่อาการมักจะเกิดขึ้น ในขณะออกแรงมากในการทำกิจกรรมที่ใช้พลังงาน เช่น การออกกำลังกาย เมื่อเส้นเลือดตีบตันมาก จะเกิดภาวะหัวใจบีบตัวอ่อนแรง เกิดอาการหัวใจล้มเหลว บางคนก็จะมีอาการน้ำท่วมปอด (heart failure) ซึ่งทำให้ต้องจากไปเฝ้าเง็กเซียนฮ่องเต้เลยครับ
            
เมื่อทราบอย่างนี้แล้ว เราก็ควรต้องระมัดระวังตนเองให้ดี ให้ห่างจากมันไว้ไกลๆ ด้วยการงดสูบบุหรี่ ซึ่งอาจจะมีบางท่านเถียงว่า แล้วทำไมท่านเติ้ง เสียว ผิง สูบบุหรี่จัดมาตลอดชีวิต ทำไมถึงมีอายุยืนยาวมากละ ผมต้องบอกว่า ผมเองก็ไม่ได้ไปถามท่านมานะ งั้นไว้รอให้ท่านไปเจอก็ลองถามท่านด้วย อย่าลืมมาเข้าฝันผมด้วยแล้วกัน  

อีกอย่างหนึ่งที่ควรทำ คือ งดดื่มเหล้าและเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เฮ้อ....ผมไม่อยากเถียงกับคนที่ชอบดื่มเหล้าครับ เอาเป็นว่าผมเองก็อ่านมาจากตำรับตำราก็แล้วกันครับ ส่วนที่จะช่วยได้ที่ไม่ต้องถกเถียง คือ ต้องควบคุมอารมณ์ตัวเอง เพื่อจะได้ไม่เครียดจัด อันนี้คงไม่ต้องเถียงผมนะครับ เดี๋ยวผมจะพลอยเครียดไปกับท่านด้วยครับ
          
คนที่มีความเสี่ยงสูงในการเป็นโรคหัวใจ ตามตำราบอกว่า คนที่มีน้ำหนักตัวมากหรืออ้วนมาก จะมีความเสี่ยงมากกว่าคนที่มีร่างกายผอม ดังนั้นก็ลดน้ำหนักเสียบ้างก็ดีนะครับ และควรต้องควบคุมคอเลสเตอรอล หลีกเลี่ยงอาหารสำเร็จรูป ควรรับประทานอาหารประเภทที่มีไขมันต่ำและกากใยสูง สำคัญที่สุดคือต้องลดความเค็มของอาหาร โดยพยายามจำกัดปริมาณเกลือที่ทานทุกวันไม่ควรเกิน 6 กรัมหรือประมาณ 1 ช้อนชาต่อวัน เพื่อลดอัตราการเกิดความดันโลหิตสูง แค่นี้ก็คงจะช่วยท่านผู้สูงวัยเช่นผม ได้ไม่น้อยเลยละครับ
        
ส่วนใครที่ไม่สามารถทำตามที่บอกได้ ผมก็คิดว่าท่านคงต้องแล้วแต่วาสนาที่บุญทำกรรมแต่งแล้วละครับ หรือถ้ายังคงดื้ออยู่ ก็คงไม่สามารถฝืนดวงชะตาตนเองได้แล้วละครับ