ปวดหัวรุนแรง พูดไม่ชัด คล้ายคนเมา เสี่ยง “เลือดออกในสมอง” อันตรายถึงชีวิต

22 ก.ค. 2567 | 10:59 น.
อัปเดตล่าสุด :22 ก.ค. 2567 | 11:05 น.

ปวดหัวรุนแรง พูดไม่ชัด คล้ายคนเมา เสี่ยง “เลือดออกในสมอง” อันตรายถึงชีวิต : Tricks for Life

"ภาวะเลือดออกในสมอง" สามารถพบได้ในทุกกลุ่มอายุ แต่อาจมีสาเหตุแตกต่างกันไปตามช่วงวัย กล่าวคือ ผู้ป่วยอายุน้อย สาเหตุที่พบ มักเกิดจากสาเหตุของหลอดเลือดโป่งพอง หรือหลอดเลือดผิดปกติ ในผู้ป่วยกลุ่มนี้มักไม่มีอาการผิดปกติใด ๆ  จนเมื่อเกิดปัญหาหลอดเลือดแตก จึงมีอาการทางระบบประสาท

นอกจากนี้ ผู้ป่วยที่มีโรคความดันโลหิตสูงที่ควบคุมไม่ได้เป็นระยะเวลานาน ทำให้ผนังหลอดเลือดเซาะ ฉีกขาด ทำให้หลอดเลือดสมองแตกในที่สุด ทำให้เกิดมีเลือดออกในสมอง เป็นสาเหตุให้เกิดภาวะอัมพฤกษ์ อัมพาต หรือเสียชีวิตได้

ผศ.น.พ. ธนินทร์ เวชชาภินันท์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า อาการเลือดออกในสมอง ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักจะมีอาการปวดศีรษะรุนแรงทันทีทันใด แบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ร่วมกับมีอาการผิดปกติทางระบบประสาท เช่น ความรู้สึกตัวผิดปกติ พูดไม่ชัด แขนขาอ่อนแรงซีกใดซีกหนึ่ง อาการทางระบบประสาทขึ้นกับตำแหน่งที่เลือดออก

ปวดหัวรุนแรง พูดไม่ชัด คล้ายคนเมา เสี่ยง “เลือดออกในสมอง” อันตรายถึงชีวิต

และหากมีเลือดออกที่สมองน้อย ผู้ป่วยอาจจะมีอาการเซ ทรงตัวลำบาก พูดไม่ชัด ซึ่งดูแล้วอาจจะคล้ายคนเมาได้ เนื่องจากสมองส่วนนี้ จะทำหน้าที่ในการควบคุมการเคลื่อนไหวส่วนต่าง ๆ ของร่างกายให้ราบรื่น เมื่อผู้ป่วยมีอาการดังกล่าว ควรนำส่งผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดในทันที เพื่อให้ได้รับการตรวจวินิจฉัยและรักษาโดยเร่งด่วน     

ด้านแพทย์หญิงทัศนีย์ ตันติฤทธศักดิ์ รองผู้อำนวยการด้านการแพทย์ รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสถาบันประสาทวิทยา กล่าวว่า แนวทางการวินิจฉัยและรักษานั้น แพทย์จะทำการซักประวัติ ตรวจร่างกาย และส่งเอกซเรย์สมอง เพื่อยืนยันว่ามีเลือดออกในสมองและตำแหน่งของความผิดปกติ เพื่อวางแผนในการรักษา โดยที่อัตราเสียชีวิตในผู้ป่วยที่มีเลือดออกในสมองค่อนข้างสูง

จากรายงานของกระทรวงสาธารณสุขในปี 2566 พบว่า มีอัตราตายจากโรคหลอดเลือดในสมองแตก 21.13% และในปี 2567 ที่ยังเก็บข้อมูลไม่ครบทั้งปี ก็พบว่า ตัวเลขสูงถึง 20.77% หากผู้ป่วยสามารถไปถึงโรงพยาบาลได้เร็ว ได้รับการตรวจวินิจฉัยและรักษาอย่างรวดเร็ว สามารถลดความพิการและการเสียชีวิตได้

การรักษาจะขึ้นกับตำแหน่งและปริมาณของเลือดที่ออก หากมีเลือดออกปริมาณเล็กน้อย อาจจะให้การรักษาแบบประคับประคองและควบคุมความดันโลหิตให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมได้ แต่หากเลือดออกในปริมาณสูง อาจจะมีความจำเป็นต้องผ่าตัดระบายเลือดออก และลดความดันในกะโหลกศีรษะ

นอกจากนี้หากสาเหตุของเลือดออกเกิดจากหลอดเลือดผิดปกติ หรือหลอดเลือดโป่งพอง แพทย์ก็จะพิจารณาทำการรักษาด้วยการสวนหลอดเลือดเพื่อปิดทางเดินหลอดเลือดที่ผิดปกติ หรืออาจจะต้องรักษาด้วยหลากหลายวิธีร่วมกัน

โดยสรุป การป้องกันภาวะหลอดเลือดออกในสมอง สำคัญที่สุด โดยผู้ป่วยที่มีความดันโลหิตสูง ควรตรวจรักษาและควบคุมความดันโลหิตให้อยู่ในระดับที่ควบคุมได้ดีตลอด เพื่อลดโอกาสของการเกิดภาวะเลือดออกในสมอง และเมื่อมีอาการที่สงสัยโรคหลอดเลือดสมอง เช่น พูดลำบาก ปากตก แขนขาอ่อนแรง เดินเซที่เกิดขึ้นทันทีทันใด ให้ไป ไปโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด เพราะ รู้อาการ ไปโรงพยาบาลเร็ว โอกาสรอดและปลอดอัมพาตก็จะสูงขึ้น