ทำไม “ไข้อีดำอีแดง” จึงระบาดในหมู่เด็ก

04 มี.ค. 2568 | 14:33 น.
อัปเดตล่าสุด :04 มี.ค. 2568 | 14:40 น.
787

ทำไม “ไข้อีดำอีแดง” จึงระบาดในหมู่เด็ก : Tricks for Life

กำลังระบาดหนัก สำหรับ “ไข้อีดำอีแดง” (Scarlet Fever) โรคติดเชื้อแบคทีเรียที่เกิดจาก เสตร็ปโตคอสคัสชนิดเอ (Streptococcus group A) ซึ่งเป็นเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุสำคัญของคออักเสบ ซึ่งโรคนี้พบได้บ่อยในเด็กอายุ 5-15 ปี สาเหตุเป็นเพราะสามารถแพร่กระจายผ่านทางละอองฝอยจากการไอหรือจาม รวมถึงการสัมผัสกับสิ่งของที่ปนเปื้อนเชื้อ โอกาสที่ระบาดในห้องเรียนจึงมีสูง

อาการของไข้อีดำอีแดง

อาการของโรคมักปรากฏภายใน 1-4 วันหลังได้รับเชื้อ ผู้ป่วยมักจะมีอาการดังต่อไปนี้

  • ไข้สูง อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ
  • เจ็บคอ คอหอยแดง ทอลซิลบวมแดง และอาจมีจุดหนองที่ต่อมทอนซิล
  • ลิ้นมีลักษณะเป็นตุ่มสีแดง คล้ายสตรอเบอรี่ (Strawberry tongue)
  • ผื่นแดง ผื่นเป็นเม็ดหยาบ ลูบแล้วสากคล้ายกระดาษทราย เริ่มจากลำคอ หน้าอกแล้วลามไปทั่วร่างกาย
  • ผิวหนังที่มีผื่นอาจลอกหลังจากหายป่วย
  • ต่อมน้ำเหลืองบริเวณคอบวมและกดเจ็บ

ทำไม “ไข้อีดำอีแดง” จึงระบาดในหมู่เด็ก

การวินิจฉัยโรค

แพทย์สามารถวินิจฉัยไข้อีดำอีแดงได้ โดยตรวจอาการทางคลินิก เช่น ผื่น ลิ้นแดง และเจ็บคอ บางกรณีอาจใช้การตรวจตัวอย่างสารคัดหลั่งจากคอเพื่อยืนยันการติดเชื้อ Streptococcus group A

 

การรักษา

  • ใช้ยาปฏิชีวนะ กลุ่มเพนนิซิลิน(Penicillin) อะมอกซิซิลิน (Amoxycillin) หรือ อิริโทรมัยสิน (Erythromycin) เป็นเวลา 10 วัน
  • ให้ผู้ป่วยพักผ่อนและดื่มน้ำมาก ๆ
  • ใช้ยาบรรเทาอาการไข้ เช่น พาราเซตามอล หรือ ไอบูโพรเฟน
  • กลั้วคอด้วยน้ำเกลือ หรือใช้สเปรย์พ่นคอ เพื่อลดอาการเจ็บคอ

ทำไม “ไข้อีดำอีแดง” จึงระบาดในหมู่เด็ก

ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น

หากไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสมอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง มักเกิด 1-4 สัปดาห์หลังจากการติดเชื้อ ได้แก่

  • โรคไข้รูมาติก (Rheumatic Fever)
  • โรคไตอักเสบเฉียบพลัน (Post-streptococcal glomerulonephritis)

การติดต่อ

  • สูดดมเชื้อผ่านละอองฝอยของเสมหะจากการที่ผู้ป่วยไอ จามออกมา
  • สัมผัส น้ำมูก น้ำลาย เสมหะ หรือสารคัดหลั่ง โดยตรงจากผู้ป่วยหรือสัมผัสสิ่งของของผู้ป่วย

 

การป้องกันไข้อีดำอีแดง

  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย หรือใช้สิ่งของร่วมกันกับผู้ป่วย
  • ไม่แนะนำไปในสถานที่แออัด  หากมีความจำเป็นต้องไปแนะนำสวมหน้ากากอนามัย
  • หมั่นล้างมือให้สะอาด โดยเฉพาะก่อนหรือหลังรับประทานอาหาร
  • ดูแลร่างกายให้แข็งแรง ทานอาหารที่มีประโยชน์ นอนหลับให้เพียงพอ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ

แม้ว่าไข้อีดำอีแดงจะสามารถรักษาได้ด้วยยาปฏิชีวนะ แต่หากไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม อาจก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงได้ ดังนั้นไม่ควรชะล่าใจ ควรรีบมาพบแพทย์หากมีอาการ

ขอบคุณ : พญ. ปราญชลี  ศรีกาญจนวัชร แพทย์ผู้ชำนาญการด้านกุมารเวชศาสตร์ เฉพาะทางต่อมไร้ท่อและเมตาบอลิซึม ประจำศูนย์กุมารเวช ( Pediatric Center ) โรงพยาบาลเวิลด์เมดิคอล