ตลาดหุ้น SET-MAI-BB

24 เม.ย. 2565 | 06:09 น.
939

"ดร.นิเวศน์" มองมาตรการสกัดหุ้นร้อน เบาไร้ผล"ทำตลาดขาดความน่าเชื่อถือ เสนอตั้งกระดาน BB ( Bubble Board ) ตลาดรวมหุ้น PE แพงเว่อร์ แยกจาก SET, MAI เพื่อขาหุ้นแนวผันผวนแรงโดยเฉพาะ

                                                         ตลาดหุ้น SET-MAI-BB

 

สองสามวันที่ผ่านมามีหุ้นบางตัวถูกให้หยุดการซื้อขายหรือถูก SP 1 วัน เพราะราคาหุ้นมีการปรับตัวขึ้นมาก “ผิดปกติ” ซึ่งเข้าข่ายเป็นหุ้นที่มีการเก็งกำไรสูงผิดปกติ ที่ตลาดหลักทรัพย์ได้ออกกฎเกณฑ์หลายข้อและหลายระดับในการที่จะป้องกันไม่ให้มีการเก็งกำไรมากเกินไป  ซึ่งอาจจะทำให้ราคาหุ้นขึ้นเกินพื้นฐานไปมากและอาจจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่นักลงทุนได้  

 

เกณฑ์ที่ใช้นั้นมีหลายข้ออาจจะเริ่มตั้งแต่การดูปริมาณการซื้อขายและราคาหุ้นที่ “แพงเกินไป” วัดจากกำไรของบริษัทเทียบกับตัวชี้วัดเช่นค่า PE เป็นต้น และก็คงมีอย่างอื่นอีกที่ผมเองก็ไม่ได้ศึกษาติดตามมากนัก  และเมื่อมีหุ้นที่เข้าเกณฑ์แล้ว ก็จะถูกเพิ่มเงื่อนไขในการซื้อขายเช่น  ห้ามใช้มาร์จิน  ต้องวางเงินสดเต็มจำนวน  อะไรทำนองนี้  และสุดท้ายที่เป็น “มาตรการสูงสุด” เนื่องจากหุ้นอาจจะมีราคา “แพงสูงสุด” หรือเก็งกำไรสูงสุดไปแล้วก็คือการ  “หยุดการซื้อขาย 1 วัน”  ดังกล่าว

 

หลังจากการหยุดพักการซื้อขาย 1 วัน ดูเหมือนว่าราคาหุ้นไม่ได้ปรับลงเลย แต่กลับปรับตัวขึ้นไปมากยิ่งกว่าเดิม  ซึ่งก็หมายความว่ามาตรการในการ “ลดการเก็งกำไร” ไม่ได้ผลเลย  แต่อาจจะยิ่งเพิ่มการเก็งกำไรขึ้นไปอีก  
 

มาตรการสกัดหุ้นร้อน"เบาไร้ผล"

 

ผมเองดูแล้วก็รู้สึกว่าเป็นมาตรการที่ “เบามาก”  คล้าย ๆ  กับคนทำผิดคดีข่มขืนแต่ถูกลงโทษตีก้นหนึ่งที  และผมเองก็ไม่เข้าใจว่าการให้หยุดการซื้อขาย 1 วันนั้นจะทำให้คนคิดคำนึงว่ามันเป็นหุ้นเก็งกำไรที่นักลงทุนควรหลีกเลี่ยงได้อย่างไร  ว่าที่จริงคนอาจจะยิ่งคิดว่านี่คือหุ้นที่จะเก็งกำไรกันรุนแรงขึ้นและเขาอาจจะชอบที่จะเล่นเพิ่มขึ้น  เพราะมันเหมือนเป็น “สป็อตไล้ท์” ส่องให้หุ้นเด่นขึ้นและเรียกให้คนเข้ามาเก็งกำไรมากขึ้นด้วยซ้ำ
 

ผมเองไม่รู้ว่าหลังจากการหยุดซื้อขายหุ้น 1 วันไปแล้ว จะมีมาตรการอะไรอีกไหม  ถ้าไม่มีก็แสดงว่าหุ้นก็คงสามารถแสดงอภินิหารต่อไปได้เรื่อย ๆ จนวันหนึ่งอาจจะมีขนาดเป็นล้านล้านบาทและใหญ่ที่สุดในตลาดก็ได้  เพราะสำหรับผมแล้ว อาการของหุ้นที่ขึ้นไปแบบ “หลุดโลก” ได้นั้นก็คือหุ้นถูก  “Corner” อย่างรุนแรง  มีคนที่ถือหุ้นและพร้อมขายน้อยเกินไปในขณะที่คนซื้อนั้นคุมราคาหุ้นได้เบ็ดเสร็จ

 

และถ้าไม่แก้ปัญหานี้ ปัญหาจะตามมาและเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ  และในอนาคตก็อาจจะมีหุ้นที่ถูก Corner อย่างรุนแรง เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆว่าที่จริง ทุกวันนี้ก็มีหุ้นจำนวนมากในตลาดถูก Corner อยู่แล้ว  เพียงแต่ว่าอาจจะไม่รุนแรงเท่า และราคาหุ้นอาจจะแพงเกินไปซัก 3-4 เท่าจากราคาที่ควรจะเป็นและมูลค่าหุ้นอาจจะขึ้นไปในระดับแสนล้านหรือใกล้ ๆ แสนล้านบาทเท่านั้น 

 

ตลาดหุ้นไทย ขาดความน่าเชื่อถือ ?

 

แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร  ตลาดหุ้นไทยก็จะเริ่ม “ขาดความน่าเชื่อถือ” ในแง่ที่ว่าราคาหุ้นจำนวนมาก “ไม่สะท้อนพื้นฐานของกิจการ” ที่ควรจะเป็น  หรือเป็น “ตลาดเก็งกำไร” ที่คนที่ต้องการลงทุนระยะยาวไม่อยากเข้ามาลงทุนเพราะเต็มไปด้วยความเสี่ยงที่ไม่สามารถประเมินได้

 

ถ้าถามว่าเราสามารถแก้ปัญหาการ Corner หุ้นหรือหุ้นถูก Corner ได้ไหม ผมคิดว่าพอทำได้ในระดับหนึ่ง  อย่างน้อยก็แก้ปัญหาหุ้นที่ถูก Corner รุนแรงได้แน่ถ้าตั้งใจที่จะทำ  แต่การ Corner แบบเบา ๆ นั้นอาจจะยากเนื่องจาก “โครงสร้างของหุ้นและตลาดหุ้นไทย” นั้น เอื้ออำนวยมากในการทำ  เฉพาะอย่างยิ่งก็คือ หุ้นมีขนาดเล็กและ/หรือหุ้นมีฟรีโฟลทน้อยแม้แต่ในหุ้นขนาดใหญ่จำนวนหนึ่ง 
 

และระบบกฎหมายและภาษีของไทยเอื้ออำนวยมาก เหนือสิ่งอื่นใดก็คือ เจ้าของหรือผู้ถือหุ้นใหญ่ของไทยยังเป็นบุคคลธรรมดาจำนวนมาก  และเขาเหล่านั้นมีแรงจูงใจที่จะทำให้ราคาหุ้นของตนวิ่งขึ้นไปสูงสุดเท่าที่จะทำได้  โดยเฉพาะเมื่อมันไม่ผิดกฎหมายหรือแม้แต่จริยธรรม  ว่าที่จริงหลายคนกลายเป็น “ฮีโร่”  ด้วยซ้ำที่สามารถ “สร้างมูลค่าหุ้น” ได้แบบเหลือเชื่อ

 

ผมคงไม่บอกว่าจะทำอย่างไรที่จะป้องกัน  และก็คิดว่าคงไม่มีใครอยากเสนอมาตรการที่จะทำให้ราคาหุ้นตกหรือลดลงแบบหายนะ  คนที่อยู่ในวงการลงทุนแทบทั้งหมดนั้นมักจะมีผลประโยชน์จากการที่หุ้นขึ้นทั้งนั้น  แต่การที่ปล่อยให้หุ้นขึ้นไปเรื่อย ๆ  นั้น ในที่สุดมันก็ต้องตกลงมา  และผลร้ายที่จะเกิดขึ้นในเวลานั้นรวมถึงความผิดปกติอีกหลาย ๆ  อย่างก่อนถึงวันนั้นก็อาจจะก่อให้เกิดผลเสียในระยะยาวต่อตลาดหุ้นอย่างใหญ่หลวง   ถ้าเช่นนั้นเราควรทำอย่างไร?

 

กระดาน"BB" ตลาดรวมหุ้นฟองสบู่

 

ผมเองอยากจะเสนอ “เล่น ๆ” เพราะคิดว่ายังไงเขาก็ไม่เอาด้วยอยู่แล้วว่า แทนที่จะป้องกัน  ไหน ๆ  คนที่ชอบเล่นเก็งกำไรก็อยากเล่นอยู่แล้ว  เราก็ตั้งกระดานซื้อขายหุ้นขึ้นมาอีกกระดานหนึ่ง  อาจจะเรียกว่า  “Bubble Board” หรือ “BB” คล้าย ๆ กับที่เรามีตลาดหุ้นหลักที่เรียกว่า SET และตลาดที่เรียกว่า MAI ซึ่งเป็นกระดานของบริษัทขนาดเล็ก  


โดยตลาด “BB” จะเป็นตลาดที่รวมของหุ้นที่มีราคาแพงเวอร์เป็น “ฟองสบู่” เช่น  ค่า PE อย่างน้อย 50 หรือ 100 เท่าขึ้นไป  ค่า PB 10 หรือ 20 เท่าขึ้นไป  มูลค่าหุ้นต้อง 5,000 ล้านบาทขึ้นไป เป็นต้น  และเมื่อหุ้นตัวไหนเข้าเกณฑ์นี้ก็จะถูกถอนออกไปจากตลาด SET หรือ MAI และไปซื้อขายในกระดานหุ้นฟองสบู่หรือ BB จนกว่าจะหลุดจากเงื่อนไขเหล่านั้น

 

หุ้นในตลาด BB จะแยกจากตลาดอื่นแบบเด็ดขาดในแง่ที่ว่ามันจะไม่ถูกคำนวณในดัชนีอะไรทั้งนั้น  ดังนั้น  มันจะไม่มีผลกระทบด้านที่ไม่ดีอย่างเช่นในปัจจุบันที่ราคาหุ้นสะท้อนเข้าไปอยู่ในดัชนีที่ทำให้คนเข้าใจผิด  นอกจากนั้นตราสารอนุพันธ์ต่าง ๆ ที่อิงกับดัชนีเช่น TFEX ก็จะสะท้อนความเป็นจริงมากขึ้น ความผันผวนของดัชนีต่างๆ ก็จะได้รับความน่าเชื่อถือมากขึ้น

 

ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ  เมื่อแยกเป็นกระดานต่างหากแล้ว  เราจะออกมาตรการอะไรก็สามารถทำได้โดยที่มาตรการนั้นจะไม่ใช้บังคับและไม่กระทบกับหุ้นตัวอื่นในกระดานอื่นที่เป็นตลาดหลัก ๆ  สำหรับนักลงทุนโดยเฉพาะระยะยาวหรือนักลงทุนที่เน้นพื้นฐานหรือแม้แต่นักเก็งกำไรที่อิงอยู่กับหลักการหรือพื้นฐานต่าง ๆ  ที่ก็มีความสำคัญกับตลาดหุ้นที่มีประสิทธิภาพ
สำหรับคนที่ยังไงก็ยังอยากเล่นหุ้นที่ราคาขึ้นลงแรงผันผวนมากและพร้อมที่จะหมดตัวหรือขาดทุนแบบ 99% ในหุ้นบางตัวได้นั้น  

 

ผมเองก็คิดว่าพวกเขาควรจะรู้และตระหนักถึงความเสี่ยงที่จะได้รับ เพราะมิฉะนั้นก็จะกลายเป็นว่าเขาจะโทษตลาดได้   ดังนั้น  ผมคิดว่าคนที่จะเข้าไปซื้อขายหุ้นในตลาด BB ได้  ควรที่จะต้องมีคุณสมบัติที่เหมาะสมและต้อง “ลงทะเบียน” ด้วย
 

 

โลกในมุมมองของ Value Investor 23 เมษายน 2565

ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร