“วายุภักษ์”หลบหน่อย...พระเอกมา!!!

11 ก.ย. 2567 | 06:00 น.
อัปเดตล่าสุด :11 ก.ย. 2567 | 07:02 น.

“วายุภักษ์”หลบหน่อย...พระเอกมา!!! : คอลัมน์เมาธ์ทุกอำเภอ โดย...เจ๊เมาธ์ ฐานเศรษฐกิจออนไลน์

*** ชัดเจนแล้วว่าด้วยผลตอบแทนขั้นต่ำ 3.0% และขั้นสูงไม่เกิน 9.0% ต่อปี คงที่นาน 10 ปี ซึ่งเป็นผลตอบแทนที่มากกว่าการฝากเงินเพื่อกินดอกเบี้ยในธนาคาร หรือแม้แต่การลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลจะทำให้ “กองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง” กลายเป็นที่หมายตาของนักลงทุนทั้งนักลงทุนรายใหญ่ รายย่อย รวมไปถึงนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนต่างชาติได้อย่างไม่มีปัญหา...

ว่าแต่นอกจากจะให้ผลตอบแทนที่ดีแล้ว “กองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง” จะมีข้อดีใดอีกบ้าง...

อย่างแรก... หนีไม่พ้นไปจากวัตถุประสงค์เริ่มแรก นั่นก็คือ เรื่องของนโยบายการลงทุนในหลักทรัพย์ต่าง ๆ ส่วนใหญ่ลงทุนในหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เช่น บริษัทที่อยู่ใน SET100 ที่ได้รับคะแนน SET ESG Ratings ระดับ A ขึ้นไป หรือ หากเป็นบริษัทนอก SET100 ที่ได้รับคะแนน SET ESG Ratings ที่สูงกว่า ซึ่งนั่นก็หมายความว่า หุ้นจำนวนมากกว่า 100 ตัวในตลาดหลักทรัพย์ หรือ คิดเป็นราว 15% จากทั้งหมด 800 กว่าตัว มีโอกาสที่จะได้รับอานิสงส์จาก “กองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง” ไปอย่างถ้วนหน้า

อย่างที่สอง... “กองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง” ยังอาจพิจารณาลงทุน ในกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ และทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ที่มีอัตราผลตอบแทนดี หรือ มีแนวโน้มเติบโตสูง มีสภาพคล่องและมีการกำกับดูแลกิจการที่ดี ซึ่งนั่นก็หมายความว่า ไม่เพียงแค่เฉพาะหุ้น แต่บรรดากองทุนที่ดีอีกหลายกองทุนยังจะได้อานิสงส์จากเม็ดเงินนี้ด้วยเช่นกัน

อย่างที่สาม...การเข้ามาของ “กองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง” ยังอาจทำให้สภาพคล่องส่วนเกินที่ล้นอยู่ในตลาดหุ้นไทย ถูกกวาดต้อนให้กลับเข้าที่เข้าทางกันอีกครั้ง หลังว่างเว้นจากการดูแลจากทางภาครัฐมานานจนถูกขายทิ้งอย่างเทสาดเทเสีย หรือ แม้กระทั่งเป็นการ “ทุบ” ด้วยกลไก Short Selling หรือ Naked Short Selling ที่ขาดการควบคุมจากนักลงทุนต่างชาติ และกองทุนจากหลายสถาบันเพื่อหวังกินส่วนต่างของราคา 

อย่างที่สี่...คือการที่ “กองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง” จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ อาจช่วยดึงดูดนักลงทุนที่ไม่ได้รับการจัดสรร หรือได้แต่ยังไม่พอ เนื่องจากเป็นการจัดสรรแบบ Small Lot First ให้เข้ามาลงทุนในการซื้อขายหน่วยลงทุน จนทำให้มูลค่าของหน่วยลงทุน IPO ที่ราคา 10 บาท จนเป็นการดูดซับสภาพคล่องส่วนเกินของตลาดฯ ได้ในอีกทาง

ส่วนหุ้นที่จะได้อานิสงส์จาก “กองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง” นอกจากที่พูดกันแบบเหมารวมเอาบริษัทที่อยู่ใน SET100 ที่ได้รับคะแนน SET ESG RATING ระดับ “AAA” คือ PTT, BCP, KTB, ADVANC, SCC, KBANK, CRC, CPF, SCGP, OR

พร้อมกับหุ้นที่กองทุนวายุภักษ์เดิมถือ ที่มี ESG RATING และ SENTIMENT สนับสนุนเฉพาะตัว อย่าง หุ้น LAGGARD เช่น PTT, SCC, SCGP, IVL, LH หุ้นรับวัฎจักรดอกเบี้ยลง MTC, TISCO, SAWAD หุ้น ANTI-OIL GULF BGRIM, OR และหุ้นมีกำไรในไตรมาส 3/67 เด่น BCH, PLANB

ก็เอาเป็นว่า ถ้าหาก “กองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง” ทำได้ดีอย่างที่เจ๊เมาธ์ และกูรูทั้งหลายคิด ก็น่าจะเป็นเรื่องที่ดีต่อตลาดหุ้นไทย และนักลงทุนรายย่อย ที่ต่างก็บาดเจ็บและบอบช้ำกันมานานหลายปีให้มีโอกาสฟื้นอย่างไม่ต้องสงสัย 

เจ๊เมาธ์เอาใจช่วยนะคะ...ขอให้ได้ขอให้โดนเจ้าค่ะ

*** แหม...เรื่องของบรรดาเพื่อนสื่อมวลชนในวงการตลาดหุ้นและการเงิน เป็นอีกเรื่องที่เจ๊เมาธ์ไม่อยากจะพูดถึง แต่ก็อดที่จะคันปากไม่ได้ ล่าสุดมีข่าวว่าสำนักข่าวรายใหม่เกี่ยวกับตลาดหุ้น ซึ่งเพิ่งตั้งก็เริ่มทำตัว “กร่าง” ด้วยการโทรศัพท์สายตรงถึงผู้บริหารบริษัท นัยว่าเพื่อการกระชับสัมพันธ์ เพราะจะได้ติดตามข้อมูลและลงข่าวให้อย่างต่อเนื่องอะไรทำนองนั้น แต่ท้ายที่สุดก็ดันมาโผล่หางออกมา เอาในบทส่งท้ายที่ขอค่าดูแลรายเดือนรายละห้าหมื่น...รายละแสน แล้วแต่ขนาดของบริษัทกันเลยทีเดียว

อู๊ยย...นี่มัน “ค่าดูแลหรือค่าคุ้มครอง” กันค่ะ คุณพี่สื่อรายใหม่เจ้าขาา!!! 

เจ๊เมาธ์ก็เข้าใจว่าการตั้งสำนักข่าวใหม่ จะต้องใช้เงินซึ่งก็เป็นเรื่องปกติธรรมดา แต่นี่พี่คงลืมไปว่าคุณพี่ยังไม่มีผลงาน เพิ่งตั้งสำนักข่าวและมีอีบุ๊กออกมาเพียงไม่กี่วัน ก็เริ่มต้นด้วยการรีดไถแบบนี้มันเร็วเกินไปหรือเปล่า ...เพราะไม่รู้ว่าไปหิวมาจากไหน!!!

ว่ากันตามตรงสมัยนี้มีเพียงแค่มือถือ แล้วจะอ้างตัวว่าเป็นสื่อมวลชน แบบนี้ใครก็ทำได้ แต่การเริ่มต้นจากการรีดไถ มีไม่กี่สำนักข่าวที่ทำได้และกล้าทำนะคะ ถ้าอยากอยู่นานๆ ก็ต้องเป็นสื่อที่มีคุณภาพทำให้แหล่งข่าวในวงการยอมรับ ไม่ใช่หวังเพียงแค่ตีหัวเอาเงินแต่ผลงานไม่มี เจ๊เมาธ์ฝากไว้ให้คิดดีเจ้าค่ะ