อาทมาต กับดาบสรีกัญไชย

15 มิ.ย. 2567 | 11:06 น.
อัปเดตล่าสุด :15 มิ.ย. 2567 | 11:11 น.

อาทมาต กับดาบสรีกัญไชย คอลัมน์ Cat out of the box โดย พีรภัทร์ เกียรติภิญโญ

คุณผู้อ่านกรุณาทักถามมาถึงกรณี คำว่า ‘อาทมาต’ หรือ ‘อาทมาตดาบสองมือ’ ซึ่งได้เขียนไว้ที่ไหนสักแห่งว่า เปนกองเสือหมอบแมวเซา มีหน้าที่แฝงตัวเข้าไปในสถานการณ์ต่างๆเพื่อฟังข่าว ลักษณะอย่างว่าตัวเองเปนเสือเฝ้าซุ่มโป่งอยู่ เห็นควายผ่านมานึกอยากจะตะปบมากัดคอกินตามปกติวิสัยเสือก็ทำไม่ได้ ต้องหมอบไว้ก่อน กระเดี๋ยวควายตื่น และอาจจะตื่นไปยันเจ้าของควายเสียด้วย ทำให้เสียการเสียงานไปกันใหญ่ และในเวลาเดียวกันก็ต้องทำตัวเปนแมวซึมเซา ทำการนอนหวดนอนหวอดไปยังงั้นให้เขาพากันตายใจ ตกดึกค่อยออกไปหาข่าวมาเฝ้าฟังทำรายงานกราบบังคมทูลพระกรุณา
 
กรมอาทมาตหรือกองอาทมาตนี้ คุณชายนักปราชญ์ หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช ท่านเคยบันทึกไว้แจ่มแจ้งว่า เปนกรม C.I.A. - Central Intelligence Agency เหมือนมีที่อเมริกา ในนามกรไทยๆว่า กรมประมวลข่าวกลาง ของกรุงศรีอยุธยานั่นเอง

 

ต่อข้อถามว่า ตกลงแล้วเปนหน่วยรบ หรือ กระไร ไหงต้องถือดาบสองมือไปฟังข่าว ไหนว่าเสือต้องหมอบแมวต้องเซา แล้วจะเอาดาบไปทำไมตั้ง 2 เล่ม? -คนมาเห็นก็จะเสียลับซะหมดสิ
,ช่างย้อนแย้ง,
 
ก็ขออนุญาตประทานกราบเรียนว่า มันเปนธรรมเนียมกฎกติกาโบราณ น่ะขะรั่บ ที่ประดากำลังพลหน่วยต่างๆ ยามเข้าเฝ้าเข้าแหนแล้ว ต้องถือประดาสรรพอาวุธต่างๆกันเข้าเครื่องแบบของตัวมา
 
กองอาทมาต ถือ ดาบสองมือ 
 
กรมอาสาญี่ปุ่น ถือ ขวานจีน
 
กรมอาสาแขกจาม ถือ หอกซัด เหน็บกริช

กรมอาสากรมท่า ถือ เสโลหวาย
 
กรมเกณฑ์หัดอย่างฝรั่ง ถือ พร้าแป๊ะกั๊ก
 
กรมอาสาใหญ่ ถือ ดาบเชลย
 
กรมอาสารอง ถือ ตรี
 
กรมเขนทอง ถือ ดาบเขน
 
กรมทวนทอง ถือ ทวนพู่ 
 
กรมล้อมวัง ถือ ดาบเสโล (โล่)
 
กรมเรือกัน ถือ กระบองทอง
 
กรมดั้งทอง ถือ ดาบดั้ง
 
กรมทำลุ(อาสา) ถือ ธนูหางไก่
 
กรมทหารใน ถือ ง้าว
 
กรมม้าแซง ถือ ขวานด้ามยาว
 
กรมม้าขุนหมื่น ถือ เกาทัณฑ์

จึงเปนที่มาว่า กรมอาทมาตดาบสองมือ ก็เพราะอย่างนี้ ไม่ได้ถือไปราชการลับอะไรกับเขาหรอก ในอดีตกาลนั้นเจ้ากรมอาทมาตมักเปนมอญ เพราะมอญพูดได้หลายภาษาเหมาะแก่การทำงานด้านการข่าว เจ้ากรมอาทมาตชื่อดัง คือ สมิงดาบเพชร ต่อมาท่านทำความชอบได้เปนที่พระรัตนจักร
 
อีทีนี้ก็ไหนๆก็ไหนๆแล้วเมื่อเอ่ยถึงเรื่องดาบ ก็ให้นึกถึงว่า ในประดาดาบเมืองเหนือนั้นมีอยู่เล่มหนึ่งซึ่งสมควรจะกล่าวถึงเปนอันมาก ดาบนั้นมีชื่อว่า ดาบสรีกัญไชย
 
อันว่าดาบสรีกัญไชยนี้เมืองเหนือล้านนาทั่วไปนับถือกันว่าเปนศาสตราวุธวิเศษ มีมนตราลึกลับจับเคลือบจับคลุมอยู่เปนนิจ ผู้ใดใช้ดาบนี้ก็อาจจะปราบฟ้าปราบแผ่นดินได้โดยง่าย อีกทั้งใช้แก้ใช้กัน คุณไสยคุณผีคุณคนได้ชะงัดดีนัก หลวงปู่ครูบาสายเมืองเหนือเมืองล้านนา นิยมสร้างทำ ดาบสรีกัญไชย ไว้เปนเครื่องรางล้ำค่าปกห่มคุ้มหัวนานา แก่ประดาสานุศิษย์
 
ย้อนไปในวัน_เวลา คราวเมื่อล้านนาเปนอาณาจักรเอกเทศ แผ่อิทธิพลไพศาลทะลุเขตลาวล้านช้าง
ไปจดทะเลอันนัมเวียดนาม ทะลุไปถึงเมืองพม่า เมืองจีนนั้น
 
บรมกษัตราธิราชล้านนายุคนั้นท่านมีชื่อว่า พระเจ้าติโลกราช - ผู้เปนใหญ่ในสามโลก ในเวลาพอๆเดียวกัน ที่กรุงศรีอยุธยาเปนราชอาณาจักรเอกเทศ ก็กำเนิดกษัตริย์หนุ่มกว่านามว่า พระบรมไตรโลกนาถ - ผู้เปน ที่พึ่งของสามโลก!
 
ชื่อนามมาพร้องเพรียงกันในความยิ่งใหญ่ฉะนี้ มันก็ต้องมีเหตุให้พิสูจน์กันว่าใครใหญ่กว่าใคร!! ตามธรรมเนียมกษัตริย์ผู้ซึ่งเล่นรบกันเปนการกีฬา
 
[บันทึกไว้ในที่นี้ว่า บิดาของทั้งสองท่าน ก็ชื่อเหมือนๆกันอีก พระบิดาพญาติโลกราช ชื่อ พระเจ้าสามฝั่งแกน -เปนลูกคนที่สามเกิดที่ริมฝั่งน้ำแม่แกน ข้างพระบิดาพระบรมไตรโลกนาถ ชื่อ เจ้าสามพระยา - ก็ลูกคนที่สามอีก ต่อจากเจ้าอ้ายพระยา (หนึ่ง) และเจ้ายี่พระยา (สอง) ]


 
งานราชการสงครามของเจ้าราชธานีอยุธยา ปะทะกับพญาเวียงเชียงล้านนา กอร์ปไปด้วยการรุก การรบ ทั้งศิลปะวิทยาอาคมประสมเล่ห์กลครบสูตร พระเจ้าติโลกราชก็อยากได้อยุธยาออกทะเล พอๆกับที่พระบรมไตรโลกนาถก็อยากได้ล้านนาทั้งผืน ว่างั้น ชนวนเหตุมีอยู่ว่า ตั้งแต่ยุคเจ้าสามพระยาครองอยุธยาอยู่ พระเจ้าติโลกราชหนุ่มปราบดาภิเษกครองล้านนาได้ก็เสด็จปราบหัวเมืองฝางที่แข็งเมือง เจ้าเมืองฝางหนีไปพึ่งบารมีเจ้าเมืองเทิง (อ.เทิง จ.เชียงราย) ทรงตามไปทันจับเจ้าฝางประหารชีวิตเสียต่อหน้าเจ้าเมืองเทิง เจ้าเทิงว่าเปนการกระทำที่ไม่ไว้หน้าสร้างความเสียหายพ่ายบารมีมาก จึงให้อาทมาตเมืองเทิงส่งสารลับชี้ช่องให้อยุธยายกทัพมาตีเชียงใหม่ ปรากฏว่าทัพอยุธยาถูกกลศึกตอบโต้โดนโจมตีแตกพ่ายส่วนเจ้าเมืองเทิงถูกประหารชีวิตตัดคอเอาศพใส่แพหยวกกล้วยทิ้งล่องไปลงน้ำแม่ปิงโดยมีนัยว่าเพื่อให้ไปถึงพระเจ้าอยุธยา คือ เจ้าสามพระยาบิดาพระบรมไตรโลกนาถสมัยนั้นได้ดูผลงาน อันนี้ก็คือที่เราเรียกกันว่า เปิดศึก กันละ
 
ครั้นต่อมาเจ้าสามพระยาสวรรคต เจ้าบรมไตรโลกนาถหนุ่มได้ราชสมบัติเขตแดนชายขอบตัดอาณาเขตระหว่างสองอาณาจักรนั้นอยู่กันละแวกเมืองเชลียง คือแถวๆอำเภอสวรรคโลก ศรีสัชนาลัย ในจังหวัดสุโขทัยประเดี๋ยวนี้ ส่วนกลุ่มจังหวัดที่อาจเรียกได้ว่าภาคเหนือตอนล่างภาคกลางตอนบนอย่าง พิจิตร/พิษณุโลก/กำแพงเพชร ก็ตกที่นั่งไส้แซนด์วิช ล้านนาลากไปไทยอยุธยาลากมา พระยาพิษณุโลกบางทีก็สวามิภักดิ์เชียงใหม่ พระยาสุโขทัยก็ประสาทเสีย บางทีพระยากำแพงเพชรพลิกลิ้นมาเข้ากับอยุธยาแล้วย้อนศรพาพระเจ้าเชียงใหม่มาเอาเมืองพิจิตร_ก็มี ช่างอุตลุดสุดจะเดาได้อย่างกะการเมืองไทยสมัยงูเห่ายุบพรรค!จังหวะนั้นสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ คิดทางแก้ไขการขยายอำนาจของพระเจ้าติโลกราช โดยเสด็จขึ้นมาครองเมืองพิษณุโลกใน พ.ศ. 2006 เสียเลย จะได้ประจันทัพหน้าในการทำสงครามกับล้านนา พญาเชียงใหม่ได้ทีก็ยกทัพไปล้อมเมืองพิษณุโลก พระบรมไตรโลกนาถใช้กลศึกหลบหนีออกจากเมืองพิษณุโลกเวลาเที่ยงคืนและเดือนมืดสนิท มาทางลำน้ำน่านแหกวงล้อมออกไปเสียได้ พระเจ้าติโลกราชทรงพระพิโรธหนัก รับสั่งให้ ‘ควักลูกตา’ ทหารทุกนายที่ซุ่มล้อมเปนแมวเซาอยู่ ณ พื้นที่ลำน้ำน่าน 
 
หมื่นด้งนคร แม่ทัพใหญ่ได้รุดเข้าเฝ้ากราบบังคลทูลว่า พระบรมไตรโลกนาถเหลี่ยมจัดนักใช้กลตีสัญญาณ ฆ้องกลองล่องเรือหนีมาตามลำน้ำน่านโดยให้จังหวะเคาะสัญญาณ เลียนแบบสัญญาณของ มหาราชเวียงเชียงใหม่เสด็จทางชลมาครทุกประการ ประกอบกับเดือนมืด มองเห็นไม่ถนัด ทหารที่ซุ่มเฝ้าระวังจึงไม่เฉลียวใจ ต่างคิดว่าเปนเรือพระที่นั่งของพระเจ้าติโลกราชเสด็จจึงไม่ยับยั้ง ครั้นจะออกไปรับเสด็จก็มิได้ ด้วยต้องทำเสือหมอบให้เซาเข้าไว้ตามหน้าที่
 
หมื่นด้งนครในฐานะแม่ทัพขอรับโทษแทนทหารชั้นผู้น้อยทั้งหมด หากจะทรงควักลูกตาทหารผู้น้อยก็ขอให้ควักลูกตาของหมื่นด้งฯแต่เพียงผู้เดียว
 
พระเจ้าติโลกราช ได้ฟังทหารเอกผู้ภักดียอมสละแม้กระทั่งลูกนัยตาของตัวเองเพื่อแสดงความรับผิดชอบ ก็ทรงนิ่งไป
 
ต่อมากองทหารม้าทัพหน้าไล่ตามเรือพระที่นั่งของพระบรมไตรโลกนาถขณะยั้งพักที่ปากยมและกองทัพม้าได้ จึงรายล้อมทัพสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถไว้แล้ว ส่งม้าเร็วรีบแจ้งขอรับพระบรมราชโองการจากพระเจ้าติโลกราชว่าจะเอาไงต่อ พระองค์ผู้ใหญ่กว่า ก็ตรัสว่า
 
“มันก็พญา(กษัตริย์) กู ก็พญา กูชนะ มันมันก็ละอายแก่ใจแล้ว หมื่นด้ง มึงอย่าทำเลย”


 
การกีฬาของหมู่กษัตริย์ก็เปนซะอย่างงี้ จากนั้นพักหนึ่งกษัตริย์หนุ่มอยุธยา ก็ทรงปรารถนาวิมุตตธรรม ประกาศว่าจะเสด็จออกมหาภิเนกกรม_ออกบวช ในการนี้ที่ว่าคู่อริต่างถือพุทธอยู่ด้วยกัน สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถก็ทรง_บอกบุญไปยังคู่ปรับ ทรงขอเครื่องสมณบริขารจากพระเจ้าติโลกราชเสียเลย
 
ข้างพระเจ้าเชียงใหม่ก็จะอั้นจะอี้ ยินดีโสมนัสที่นักชกรุ่นน้องจะเข้าสู่เขตร่มเงาผ้ากาสาวพัตรก็พลอยยินดีพระราชทานถวาย ระหว่างที่ทรงผนวชนั่น พระภิกษุสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ก็ทรงขอบิณฑบาตเมืองเชลียงคืน จากพระเจ้าเชียงใหม่สามโลกเสียเลย!55 แต่มหาราชล้านนาทรงเรียกประชุมเสนามหาอำมาตย์แล้วมีมติว่า เจ้าไทยไหนเลยว่าโกนหัวบวชจะมายุ่งเรื่องการเมืองราชการอย่างไร ไม่สมควร_เปนอันอดเมืองเชลียงกันไป
 
ในที่นี้จะกล่าวถึงวิทยากล ที่ทางอยุธยาลอบใช้เพื่อให้เมืองเหนือตกที่นั่งชะตาขาด จะได้เอาเมืองได้ง่ายๆ
กล่าวคือต่อมาเชียงใหม่ถูกพระเถระเมืองพุกามที่รับจ้างจากอยุธยา ส่งมาเชียงใหม่ หลอกให้ตัดต้นไทรไม้นิโครธ ซึ่งเปน “เดชเมือง” ที่ชาวเชียงใหม่ล้านนาสักการบูชา ตรงบริเวณแจ่งศรีภูมิออกทิ้ง และคงมีการทำวิทยากลอีกหลายประการจนบ้านเมืองปั่นป่วน เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด คือ พระเจ้าติโลกราช สั่งประหารท้าวบุญเรืองพระราชโอรสองค์เดียวที่ถูกนางสนมหอมุก ใส่ความว่าจะชิงราชบัลลังก์
 
ภายหลังทราบว่าพระโอรสบริสุทธิ์ก็ทรงเสียพระทัยยิ่ง ด้วยความเสียหายทางจิตนี้ ทรงกลับไปหวาดระแวงหมื่นด้งนครทหารเอกคู่บัลลังก์ที่ส่งให้ไปต้านทานกองทัพอยุธยาที่ชายแดนเมืองเชลียง ว่าจะแปรพักตร์ไปเข้าอยุธยา จึงเรียกตัวไปเชียงใหม่และให้ประหารชีวิต หมื่นด้งนครเสีย
 
(ต่อตอน 2)