สัตว์ป่าน่ารักที่บ้านเขาใหญ่ 6 :ไก่ หมู จิ้งจก

25 พ.ค. 2567 | 09:01 น.
อัปเดตล่าสุด :25 พ.ค. 2567 | 09:05 น.

สัตว์ป่าน่ารักที่บ้านเขาใหญ่ 6 :ไก่ หมู จิ้งจก คอลัมน์ Cat out of the box โดย พีรภัทร์ เกียรติภิญโญ

เพื่อให้จบสมบูรณ์ถึงบทความรวมสัตว์และอิทธิคุณแห่งปวงมันที่ประดาท่านนักจิตศาสตร์ผู้สำเร็จ นำมายักย้ายพลิกแพลงสร้างอิทธิวัตถุ ฉบับจบนี้ ก็ขอกล่าวถึง ไก่ หมูป่าและ จิ้งจก ซึ่งปรากฏเปนประจำที่บ้านเขาใหญ่นี้ ซึ่งถ้าเนื้อที่พอก็จะขอลามไปถึง แพะ ซึ่งกินอร่อยดีที่ครัวนาคนาวา เขาใหญ่ (ทำข้าวหมกไฮโซและกุรหม่ารสดีมากๆ)
 
พูดถึงเรื่องไก่แล้ว ในยุคร่วมสมัยคงต้องยกให้ไก่หลวงพ่อรวย วัดตะโก แต่ทว่า งานวิชาไก่ในยุคไล่ๆเดียวกันยังมีของหลวงปู่สรวงวัดถ้ำพรหมสวัสดิ์ และ ในทางใต้ยังมีไก่พ่อท่านล้าน วัดขนายที่พุนพิน สุราษฎร์ธานี


 

อิทธิคุณแห่งไก่ได้เล่าท่านฟังแล้วในตอน ‘อ๊อเหม่เดอชอว์หมี: กินข้าวกับไก่ป่า’ ซึ่งพอจะสรุปได้หลายแง่มุม แต่ขออนุญาตไม่กล่าวซ้ำในที่นี้
 
อย่างไรก็ดีพุทธศิลป์ที่สวยงาม rustic_ดิบ/เรียบง่ายอย่างตั้งใจ เกี่ยวแก่ไก่นี่ควรจะต้องยกให้ พญาไก่ของหลวงปู่เหรียญวัดบางระโหง หลวงปู่เหรียญมีชนมายุยืนยาวถึง 92 ปี ท่านสานรูปพญาไก่จากอลูมิเนียม ตั้งธาตุอิทธิคุณคุ้มครองปกป้องภัย ท่านตั้งใจทำมาก จารอักขระคาถาลงในช่องสานที่จัดไว้เปนระบบ แล้วจึงถักทอขึ้นเปนตัวไก่ มีหลายขนาดสานจากใบลานก็มี สานจากแผ่นทองแดงก็มีสวยงามล้ำค่ามากๆ


 

ในขณะที่ส่วนทางเมืองเหนือของเรานิยมเดือยไก่ป่า ใช้พกเปนเครื่องรางเด่นทางคุ้ยเขี่ยหากินหารายได้ สัตว์ต่างๆมีมุมที่แพ้กันชนะกัน เสือว่าเปนเจ้าป่า ก็อาจมีบางเวลาถูกพญาวัวขวิดตาย หมูที่ว่าเปนสัตว์นั่งๆนอนๆก็ประมาทมิได้ ด้วยในทางจิตศาสตร์หมูธรรมดานั้นไม่เท่าไร แต่ถ้าหมูทองแดงขึ้นมาแล้วล่ะก็ มันจะมีกำลังเพิ่มขึ้นมาก เหมือนมีคุณทางอาละวาดขวิดเขี้ยวป้องกัน เรืองขึ้นมา
 
ในการทำอิทธิวัตถุเกี่ยวกับหมูนั้น ยุค 2-3 ทศวรรษก่อน ต้องยกให้หมูหลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระเมืองนครปฐม ส่วนหมูทองแดง ยกให้สำนักสักยันต์คุณพ่อเที่ยง น่วมมานา มีวิชายันต์หมูทองแดงเปนเอก ภาพยันต์หมูทองแดงนี้เส้นยันต์เยื้องยักถักทอขึ้นเปนรูปพญาสัตว์ดูแช่มช้อยสวยงามแสนจะขลัง
 
ผู้คนนับถือในสัจจะธรรมส่วนหนึ่งของหมูในฐานที่ว่าหมูอยู่สุขอยู่สบาย นั่งกินนอนกิน อุดมสมบูรณ์ เครื่องรางสายหมูเปนที่นิยมก็ด้วยเหตุนี้ ส่วนภาษาปากอะไรที่ว่า ง่ายๆหมูๆ ก็เปนอีกกรณีหนึ่ง ซึ่งควรต้องยกให้สำนักท่านอาจารย์ณรงค์ศักดิ์ แห่งจันเสน ทำยันต์หนังหมู ขนาดเท่าสแตมป์ ไปไหนมาไหนทำไร “จะได้หมูๆ” ตามลักษณะ personal-tification
 
ส่วนหมูป่านั้นพรานผู้ใหญ่เรียกไอ้ท่อก เขี้ยวโง้งยาว เวลาออกป่าต้องระวังไม่ให้มันขวิดใต้ขา เพราะเขี้ยวคมนั้นมันงัดกรีดพวงไข่ของคนล่าให้หลุดขาดเห็นคาตามาแล้ว วานนี้ได้-รถหมูป่า -มาคันหนึ่ง


 
หมูป่าฝรั่งว่า wild boar คนไทยเรียกไอ้ท่อก ค่าที่มันเฒ่า เก๋า อ้วน เเต่เปรียว ฝรั่งเศสยิงได้ก็เลาะเนื้อเจือมันมาใส่ไวน์เบอร์กันดี้ ทำไส้กรอกแห้งๆอร่อยเด็ดดวงด้วยเกลือสินเธาว์และดินประสิว
 
รถสโกด้ารุ่น superb คันอย่างนี้หน้าตามันมีความหมูป่า ฯพณฯ ประธานาธิบดีแห่งเชค (โกสะโลวักเกีย) ใช้เปนรถประจำตำแหน่ง มีหัวสั้นท้ายสั้น แต่ห้องโดยสารโอ่อ่ากว้างขวางจนน่าเหลือเชื่อ เครื่องยนต์หกสูบของมันปราดเปรียวตีนต้นจัดไม่เข้ากับใบหน้า ตีนปลายยังเหลือจน Lexus LS400 ต้องระอาหลบอาย ในรสนิยมแบบยุโรปตะวันออก เจ้าหมูป่าคันนี้สี diamond silver เงาเงิน ทว่าภายในสีแดงเลือดวัว_แดงจัดแบบเวลาเขาแทงคอในงานมาทาดอร์เมืองสเปญ 
 
ด้วยความดิบและความป่าของมัน มาตรวัดอะไรๆยังไปไมล์ เปน แกลลอนอยู่ ไม่เปน กิโลเมตร ไม่เปน ลิตร
 
พักนี้บางจากขายน้ำมันรุ่นใหม่ให้ 97 ออกเทน ลิตรตั้ง 50 บาท ได้มา 10 ลิตร ขับโดยเหยียบไม่บันยะบันยังบนความโดดเด่นเร่งรัดปรู้ดปร้าดแห่งแก่งคอยมิตรภาพ มาหมดที่ 101 กม. เหยียบเปนมา กดเปนมา สรุปว่าเจ้าหมูป่าสโกด้าระดับประธานาธิบดีมีค่าความสิ้นเปลืองอยู่ที่ 10 กม/ ลิตร!


 
อนึ่งแทรกไว้ ณ บรรทัดนี้ว่า ฯพณฯ ฌาน ฉปินเลอร์ อัครราชทูตเชคประจำเทลอาวีฟ เล่าให้ฟังโดยทิ้งรอยยิ้มว่าสโกด้าเปนรถยนต์คันแรกของโลก ไม่ใช่ เมอร์ซิเดส เบนซ์!
 
ปี 2541 วิกฤตเศรษฐกิจลามปามถ้วนหน้า หลบมาวังน้ำเขียวเที่ยวไปกับ พี่เบิ้ม อรทัย และ พำนักกับพี่ๆผู้มีอุดมการณ์ปลูกป่านามกรว่า โชคดี ปรโลกานนท์ คืนหนึ่งที่ขนำกลางเขา ซึ่งมีแต่พื้นฟาก ไม่มีผนัง หมูป่าโทนแห่งเขาใหญ่ควบวิ่งทว่าหยุดเยื้องกราย มาเจอลำแสงไฟฉายแห่งปวงเรา ...เปล่า มิได้จะมาขวิด มาคุ้ยขยะเศรษฐกิจ ที่ผู้คนเมืองหลวงทิ้งไว้ณ แถวชายป่าราวไพร!!
 
อย่างไรก็ดีหมูป่าที่ดีต้องเขี้ยวตัน ตรงข้ามกับเสือ ที่ต้องเขี้ยวกลวง ถึงจะนับเปนของดีมีความวิเศษ เขี้ยวหมูตันที่มีราคา จะมีขนาดเล็ก ชาวกะเหรี่ยงกะหร่างในเขตป่าตะวันตกเรียกว่า ‘เขี้ยวมะลิ’ มีคุณพิเศษด้านความจังงัง ข่มศัตรู โดยมากจะได้จากหมูที่ตายเองแล้วพรานไปเจอซากเข้าบังเอิญ
 
อย่างไรก็ดียังมีของวิเศษอีกอย่างเกี่ยวแก่หมูป่า นั่นคือ ช้อง ช้องของหมูป่าว่ากันว่าเกิดจากการที่หมูป่านั้นงับเอาเส้นขนจากแผงคอหรือจากหางมาอมเล่นในปาก คล้ายๆอารมณ์วัยรุ่นฝรั่งว่างๆ แล้วงับเอาก้านเชอร์รี่ดองไปเคี้ยวๆอมๆดุนๆดันๆเล่น ลิ้นเอาตวัดให้เกิดการผูกปมในปาก นัยยะว่าเพื่อฝึกปากฝึกลิ้นให้คล่องสำหรับการดูดดื่มจุมพิตกันในยามสำเริงสำราญ after ปาร์ตี้ส์
 
กรณีหมูป่าอมขนนี้ มันทำคล้ายกะคนฝรั่งนี่เช่นกัน อมๆเคี้ยวๆถักๆทอๆ สานต่อกันเปนวงกลมเลยทีเดียว เรียกกันว่า ช้องหมูป่า เวลานายพรานล่าสัตว์ยิงได้หมูป่า เห็นตัวไหนสงบนิ่ง เขาจะไม่ผลีผลามเข้าไปเก็บศพ จะรออยู่ห่างๆ บางทีก็เอาหินปาเสียก่อน ว่านิ่งจริงไม่ขยับจริง เนื่องจากว่าหมูป่ามีช้องอมในปากนั้น มันไม่ตาย มันนิ่งไปเพราะตกใจแรงปืน ทะเล่อทะล่าเข้าไปเก็บศพมัน มันจะทะยานลุกขึ้น แล้วงุดหน้าพุ่งขาวิ่งมาขวิดพวงไข่ไอ้คนที่ยิงมันอีกที (ความสูงหมูท่อกจะเท่ากับเป้ากลางลำตัวคนเสมอ) เรียกว่า พุ่งชาร์จ สวนควันปืน เข้าเป้าอยู่หมัด
 
นาทีนี้ถ้าพรานไวพอ ฉากหลบ/กระโดดหลบ แล้วกดกระสุนใส่อีกสักตู้ม ก็อาจชนะหมูป่าคืนชีพและปลงศพมันได้
 
อีทีนี้เมื่อว่าคว่ำหมูป่าไอ้ท่อกลงได้ราบคาบแล้ว เขาจะงัดปากมันดู_เอาช้อง ได้ช้องมาแล้วขายได้ราคาดีกว่าเนื้อหมู!


 
คนผู้เล่นและนิยมของอาถรรพ์อธิบายว่า อันพญาหมูป่าคุมฝูงหรือหมูโทนหากินลำพัง บางทีอาจสั่งสมวิริยะบารมี ถึงที่ขั้นพญาสัตว์ ปฏิบัติบำเพ็ญจิตโดยสำรวมเคร่งครัดในร่างเดรัจฉาน เคี้ยวพวงขนไปก็เพ่งจิตไปดุนลิ้นไปก็เพ่งจิตไป อาจทำให้เกิดจิตรวมเข้าแล้วกำลังประจุลงในช้องขึ้นมาเปนฤทธิ์เดชอำนาจเรืองขึ้น ประมาณเดียวกับหลวงปู่หลวงตาเคี้ยวๆชานหมาก
 
ข้างประดาพรานนักล่ากลับมาบ้านโดนลูกชายถามว่า ‘ก็ถ้าช้องหมูป่ามีคุณทางหนังเหนียวจริง แล้วคุณพ่อยิงมันตายได้ไงล่ะครับ?”
 
นายพรานผู้บิดาขยิบตานิดแล้วหันมาอธิบายว่า โลกใบนี้มีวันปลอด หมายว่าวันที่อิทธิวัตถุไม่ทำงาน เปนวันปลอดโปร่งโล่งกำบัง เหมือนเช่นวันนี้วันอาทิตย์ที่หมูท่อกนี้ถูกพ่อฆ่าตาย ช้องวงนี้ จะมีคุณวิเศษคุ้มครองคนใช้งานทุกวัน จันทร์-เสาร์ เหมือนที่คุ้มครองหมู เว้นวันอาทิตย์ที่พ่อฆ่าได้นับว่าเปนวันปลอด_ไม่คุ้มครอง ยามจะขายช้องต้องเขียนวันปลอดกำกับไปบอกลูกค้าด้วย กระเดี๋ยวเข้าใจผิดว่ามีช้องแล้วศัตรูยิงไม่เข้าเสมอไป_จะเกิดอันตรายจากความประมาทลำพอง
 
นาทีนี้ก็ให้นึกถึงภาพ “กระตั้ว, the barefoot hunter” คิวบิสม์ ฝีมือ เดเมี่ยน ณัฐธวัช วาดไว้ให้เปนคอลเลกชั่นแห่งบ้านเขาใหญ่ ซึ่งกระตั้วนี้ปกติเปนการละเล่นแบบไทยๆ ใช้ล้อไปตามราชสำนักซึ่งเล่นกระอั้ว กล่าวคือ กระอั้วแกเปนพรานแทงควาย แต่ชาวบ้านหรือพวกเชลยศักดิ์เล่นกระตั้วแทงเสือ เอาแทน


 
ในภาพนี้กระตั้วเชลยศักดิ์ แกพรางตัวให้เหมือนเสือเสียก่อน คิด พูด ทำ เดินต่างๆให้เหมือนเสือ ก่อนจะลงจากรถโรลสรอยซ์ แล้วย่องเดินเท้าเปล่าไปจับ (แทง) เสือ ด้วยมีดกุรข่าเพียงเล่มเดียว
 
กระตั้วคนนี้ดีนัก ไม่เอาเปรียบสัตว์ เดเมี่ยนว่า แทงเสือมือเปล่า! แต่หากพิจารณาให้ถ้วนถี่ ปรัชญามีแฝงในภาพมากมาย กระตั้วหาได้ทะเล่อทะล่าออกไปล่าเสือล่าสัตว์ แต่พยายามทำการบ้าน ศึกษาพฤติกรรมเป้าหมายและใช้ความพยายามแห่งตนเพื่อสามารถเข้าถึง_ Approach เสือใหญ่ได้โดยกลมกลืนไม่ให้กระสากลิ่น นับเปนความนัยที่นำไปใช้ในธุรกิจธุรกรรมใดๆก็ได้ทั้งในวงการค้าและสังเวียนชีวิต
 
กลับมาที่เรื่องหมูป่า งานศิลป์ที่สวยมากขอยกให้หมูป่า ของอาจารย์วิทย์ จันทร์หอม ซึ่งปั้นเปนหมูป่าเขี้ยวตัน ไม่ให้อ้วนเกินไป เพราะจะสู้ใครเขาไม่ไหว (ท่านบอก) อุดก้นด้วยช้องหมูป่า ไม้มะขวิด เพื่อเอาสัจจะคุณ คำว่าขวิด เปนกิริยาต่อสู้ของหมูป่า ใส่หัวหญ้าแห้วหมู วัชพืช อมตะที่ตายยาก ตกที่ไหนก็งอกงาม ซ้อนทับเข้าไป น่ารักและดูสมจริงมากๆ
 
ถัดมาอีกตัวคือจิ้งจก ซึ่งมีเยอะมีมากไล่ทักกันทั่วไปไม่ไหวไม่หวาดที่บ้านเขาใหญ่นี้ งานฝ่ายจิ้งจกมีท่านอาจารย์หลวงปู่หน่าย วัดบ้านแจ้งเปนเจ้าวิชา ศิลปะการจัดสร้างแกะจากงาช้าง จากไม้งิ้วดำ เปนจิ้งจกเดี่ยว เปนจิ้งจกคู่ เปนจิ้งจกสองหาง เปนจิ้งจกอีโรติก กำลังเล่นรักกันก็มี ศิษย์ฆราวาสของท่านคือ อาจารย์ประเวศ เปนผู้รับวิชาจัดทำ
 
ไทยเราเชื่อนักหนาว่าจิ้งจกทัก จุ๊ๆ ก่อนออกจากบ้าน ให้ระวังภัยให้จงหนัก งานนี้ผู้มีจิ้งจกอาคมประจำตัวเล่าว่า ออกบ้านมาแล้วได้ยินเสียงจิ้งจกทัก ให้รู้ตัวเลยว่า จะมีลาภหรือได้ลาภมาหา แถมจิ้งจกนี้หางขาดไปยังงอกใหม่ได้ ล้ำยุคทางชีววิทยา น่าเอาสัจจะคุณวิเศษแห่งมันมาใช้ ว่าเงินทองขาดไปให้งอกใหม่ได้บ้างอย่างจิ้งจก!
 
นับเปนสัญญะความเจริญงอกงามอีกประการหนึ่ง จิ้งจกเปนสัตว์ทำพันธุ์กันแล้วออกไข่เยอะ จึงนับว่าจิ้งจกเปนอุปเท่ห์ (เคล็ดทาง) แห่งการมหาเสน่ห์ดึงดูดทางเพศ ส่วนจะเปนเพศตรงข้ามหรือไม่อย่างไร คงต้องรอท่านผู้ใช้งานมาเล่าสู่กันฟังสักกะอีกที