ฟ้าผ่า “สตช.” สะท้านวงการสีกากี

23 มี.ค. 2567 | 05:55 น.

ฟ้าผ่า “สตช.” สะท้านวงการสีกากี บทบรรณาธิการ หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3977

ความไม่ลงรอยกันระหว่าง  บิ๊กต่อ  พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และ บิ๊กโจ๊ก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. หลังเกิดคดีเว็บพนันออนไลน์ โดยมีการออกหมายเรียกให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ไปรับทราบข้อกล่าวหา และเกิดการสาวไส้กันไปมาภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ศึกใหญ่ที่ซุกใต้พรมมานาน ทั้งคดีส่วยทางหลวง จนถึงเว็บพนันออนไลน์ ทำให้ภาพลักษณ์ สตช. เสียหาย 
   
นำมาซึ่งปฏิบัติการเด้งฟ้าผ่าโดย นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มีคำสั่งย้ายทั้งคู่ มาปฏิบัติราชการชั่วคราว 60 วัน ที่สำนักนายกรัฐมนตรี ในช่วงระหว่างตรวจสอบข้อเท็จจริง และมอบหมายให้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพชร รอง ผบ.ตร. ทำหน้าที่รักษาการในตำแหน่ง ผบ.ตร

หลายฝ่าย จับตาว่าในที่สุดแล้ว ทั้งคู่จะได้กลับมาที่เดิมหรือไม่ ซึ่งขึ้นอยู่กับคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ที่นายกรัฐมนตรี ตั้งขึ้นที่มี นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานกรรมการ นายชาติพงษ์ จีระพันธุ อดีตรองอัยการสูงสุด เป็นกรรมการ และ พล.ต.อ.วินัย ทองสอง อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจเเห่งชาติ และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ เป็นกรรมการ และเลขานุการ

การเซ็นคำสั่งฟ้าผ่า เกิดขึ้นเมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 20 ม.ค.2567 ภายหลังจากที่ทั้งสองบิ๊กนัดแถลงข่าว หย่าศึก ยุติคดีการฟ้องร้อง  แบบค้านสายตา และส่งผลให้นายกรัฐมนตรี  ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) และกำกับดูแลสตช. อาจถูกครหา จึงตัดสินใจขั้นเด็ดขาด

ในมุมสะท้อนของ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ หรือ ผู้การแต้ม เจ้าของฉายา “มือปราบหูดำ” ออกมาระบุว่า การออกคำสั่งของนายกรัฐมนตรีจะช่วยเบรกความแตกแยกใน สตช. และให้คดีความเป็นไปอย่างถูกต้องเป็นธรรม  
 
ขณะการประเมินของ พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ อดีตผู้บังคับการกองปราบปราม ในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์  วิเคราะห์ ว่าการพิจารณาของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง จะใช้เวลานานพอสมควร ขณะรักษาการ ผบ.ตร. เป็นเพียงลำดับอาวุโสที่ถูกเลื่อนขึ้นมาตามความเหมาะสมเท่านั้น แต่จะใช่ตัวจริงหรือไม่ต้องติดตาม 
  
นี่คือประวัติศาสตร์ ครั้งสำคัญของวงการสีกากี ที่เบอร์หนึ่ง และ เบอร์สอง ของ สตช. กลับเป็นฝ่ายถูกเด้ง (ชั่วคราว) และมีการตั้งคำถามว่า ในที่สุดแล้วจะได้กลับมาหรือไม่ 

ที่แน่ๆ ประชาชนอยากเห็นองค์กรตำรวจเป็นที่พึ่งของประชาชน มากว่าองค์กรอาชญากรรมสาวไส้กันไปมา!