วิกฤติความเชื่อมั่นรายย่อยต่อตลาดหุ้นไทย

18 พ.ย. 2566 | 07:38 น.

วิกฤติความเชื่อมั่นรายย่อยต่อตลาดหุ้นไทย บทบรรณาธิการ หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3941

ดัชนีตลาดหุ้นไทย เปรียบเหมือนกระจกสะท้อนความเชื่อมั่น ไม่ว่าจะเป็นทิศทางเศรษฐกิจของประเทศ หรือ การบริหารงานของรัฐบาล และวันที่ 20 พฤศจิกายน 2566 นักลงทุนรายย่อยเองได้นัดสะท้อนความไม่พอใจการบริการงานของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และแสดงพลังต่อต้านการ Short Sell หรือการยืมหุ้นมาขาย และโปรแกรมเทรด หรือ Robot ด้วยการพร้อมใจหยุดการซื้อขายหุ้น 1 วัน
 
หลังจากก่อนหน้าที่มีกระแสข่าวว่า การทำ Short Sell ของนักลงทุนรายใหญ่ ซึ่งมีทั้งนักลงทุนไทยและนักลงทุนต่างชาติ เป็นตัวการถล่มหุ้นไทย หลังจากดัชนีตลาดหุ้นไทยเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2566 ร่วงลงอย่างหนัก จนดัชนีหลุด 1,400 จุด ทำให้มีเสียงเรียกร้องอย่างหนักให้มีการห้ามการทำ Short Sell เหมือนอย่างที่เกาหลีใต้ได้ทำมาแล้ว 
 
กระแสเรียกร้องจากรายย่อย ไม่ได้รับการแยแสใดๆ จากหน่วยงานกำกับดูแล ผู้บริหาร ตลท. จูงมือ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) คนใหม่ออกมายืนยันที่จะไม่ยกเลิก การทำ Short Sell พร้อมๆ กับยืนยันว่าไม่พบความผิดปกติใดๆ

มีการทวงถามจุดยืนของตลาดหุ้นว่า เอื้อประโยชน์นักลงทุนบางกลุ่มหรือไม่ โดยเฉพาะโบรกเกอร์รายใหญ่สำคัญที่เป็นฐานเสียงและแรงสนับสนุนกรรมการ และ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) อย่าง นายภากร ปีตธวัชชัย แม้ นายภากร จะเรียกร้องให้นักลงทุนเชื่อมั่นว่า ตลาดหุ้นมีการกำกับดูแลการซื้อขายอย่างเท่าเทียม เสมอภาค ไม่มีการลำเอียง เอื้อผลประโยชน์ให้กับกลุ่มนักลงทุนประเภทใดประเภทหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้รับการแยแสจากนักลงทุนรายย่อยเช่นกัน 
 
ขณะเดียวกัน ก็มีกระแสความไม่พอใจของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ต่อ นายภากร เช่นกัน หลังจากไม่สามารถแก้ปัญหาใดๆ ให้ตลาดหุ้นกลับมาฟื้นตัวได้ ถึงขั้นมีกระแสข่าวการจะปลด นายภากร ออกจากตำแหน่ง แต่ก็ไม่เห็นช่อง เมื่อไปดูโครงสร้างกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยแล้ว เป็นบริษัทสมาชิกหรือโบรกเกอร์ที่สนับสนุน นายภากร เกินกึ่งหนึ่ง

สุดท้าย นายเศรษฐา ต้องสั่งอดีตผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์อย่างนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ในฐานะที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เข้ามาแก้ปัญหาด้วยการจับมือกับกระทรวงการคลัง และ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย ในการออกกองทุนลดหย่อนภาษีให้อีก 1 แสนบาท ภายใต้โครงการกองทุน TESG 
 
แม้ดัชนีจะสามารถกลับมายืนเหนือระดับ 1,400 ได้ แต่ก็ยังไม่ใช่สิ่งที่จะยืนยันความเชื่อมั่นต่อตลาดหุ้นได้ เมื่อรายย่อยกระพือความไม่พอใจ ด้วยการนัดหยุดซื้อขาย 1 วัน ซึ่งน่าจะเป็นวันที่ตลาดหุ้นไทยซบเซาสุดขีด จนสร้างสถิติตัวเลขมูลค่าซื้อขายตํ่าสุดใหม่ในรอบหลายปีก็เป็นได้