พรที่ขอให้แก่ชาวเมียนมาในปีใหม่นี้

02 ม.ค. 2566 | 06:00 น.
อัปเดตล่าสุด :02 ม.ค. 2566 | 13:40 น.

คอลัมน์ เมียงมอง เมียนมา โดยกริช อึ้งวิฑูรสถิตย์

สวัสดีปีใหม่ในปี 2023 ผมขออนุญาตใช้พื้นที่นี้ อำนวยพรให้ท่านผู้อ่านทุกท่าน จงประสบแต่ความสุข ความเจริญ สมหวังในสิ่งที่ท่านปรารถนาทุกประการ และขอให้สุขภาพร่างกายแข็งแรงตลอดกาลนานเทอญ ในวาระขึ้นปีใหม่ในประเทศเมียนมา การเฉลิมฉลองทั่วไป ก็ไม่ค่อยจะคึกคักเหมือนปีใหม่ของชาติอื่นๆ เพราะส่วนใหญ่เขาจะให้ความสำคัญแก่วันขึ้นปีใหม่ของเขา นั่นคือวันที่ 13 เมษายนของทุกปีครับ แต่ก็มีประชาชนบางส่วนที่มีการเฉลิมฉลองกันบ้างเช่นกัน ดังนั้น ผมก็ขออนุญาตอวยพรเป็นภาษาเมียนมา ที่ต้องพูดว่า “เปียวฉิ่นพลอย เน็ตเต็ดชิบ่าเล่” ก็คือสวัสดีปีใหม่นั่นแหละครับ

 

ก่อนที่จะถึงวันส่งท้ายปีเก่า ก็มีกลุ่มเพื่อนสองกลุ่มจากประเทศเมียนมา ได้เข้ามาพบผมที่บริษัท กลุ่มแรกเป็นกลุ่มศิลปินชาวเมียนมา ที่เข้ามาอาศัยอยู่ที่กรุงเทพฯ บางคนก็เข้ามาในฐานะนักศึกษา แต่ก็มีสามี-ภรรยาคู่หนึ่ง ซึ่งเข้ามาทำงานในประเทศไทย โดยติดเอาลูกน้อยเข้ามาด้วยหนึ่งคน ก็เป็นที่เห็นใจเหมือนกันครับ เพราะการขอใบอนุญาตทำงานในประเทศไทยเรา ไม่ได้ทำกันได้ง่ายๆ ส่วนกลุ่มที่สองนั้น เป็นกลุ่มนักธุรกิจ ที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทย กลุ่มหลังนี้ไม่ค่อยน่ากังวลใจเหมือนกลุ่มแรกครับ ต้องบอกว่าการเข้ามาพบผม นอกจากมาสวัสดีปีใหม่แล้ว ก็มีการร้องขอให้ผมช่วยเหลือเขา ซึ่งก็เป็นเรื่องธรรมดาที่พบเจอมาตลอดครับ 

 

ในช่วงระหว่างสนมนากับกลุ่มที่สอง เขาได้ขอให้ผมช่วยอวยพรให้เขาและประเทศเมียนมาของเขาด้วย แหม....การอวยพรปีใหม่ให้แก่เขานั้น ไม่ยากเลยครับ แต่การอวยพรให้ประเทศเขานี่สิ ....ก็ไม่รู้จะสำฤทธิ์ผลตามที่เราอวยพรไปหรือไม่? แต่ก็อยากจะขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่มีอยู่จริง หรือเป็นเพียงสิ่งสมมุติสำหรับเขา (เพราะความเชื่อของประชาชนของแต่ละประเทศไม่เหมือนกัน) จงดลบันดาลให้เกิดขึ้นจริงทีเถอะครับ

ผมเชื่อว่าสิ่งที่ผมอยากจะให้สัมฤทธิ์ผลตามที่อวยพรไปนั้น ชาวเมียนมาทุกคนก็คงอยากจะเห็นและอยากจะได้เช่นนั้นด้วยเหมือนกันครับ เพราะผมขอพรจากพระผู้เป็นเจ้าไปหลายข้อ คือ ข้อที่หนึ่ง ผมวิงวอนขอพรจากพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงฤทธิ์ จงดลบันดาลให้สันติภาพจงบังเกิดแก่ประเทศเมียนมา เพราะการขัดแย้งกันในทางความคิด หรือการคิดที่จะแบ่งแยกเมียนมา แล้วมีการสู้รบกันในกลุ่มประชาชนหลายภาคส่วน ล้วนทำให้ประชาชนชาวเมียนมา ประสบแต่ความเจ็บปวดและสูญเสียทั้งชีวิต ทรัพย์สิน และโอกาสในการพัฒนาไปอย่างน่าเสียดาย

 

ข้อที่สอง ผมขอพระผู้เป็นเจ้าทรงโปรดดลบันดาลให้ชาติอื่นๆ ที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับประเทศเมียนมา จงอย่าได้เข้าไปแผ้วพาน หรือยุ่งเหยิง (ภาษาเหนือของไทยเราเรียกว่า “ซุ่น”)กับประเทศเมียนมาเลย เพราะชาติเหล่านี้ เราๆท่านๆก็รู้ว่าเขาต้องการอะไร หรือเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับประเทศอื่นเมื่อไหร่ ก็มักจะเข้าไปสร้างสงครามตัวแทน(Proxy war)ในประเทศนั้นเสมอ ความบรรลัยที่เกิดขึ้นจากมือของพวกเขา ก็ไม่สามารถกู้คืนกลับมาได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งเราก็เห็นตัวอย่างมาแล้วในหลากหลายประเทศครับ

 

ข้อที่สาม ผมขอพรจากพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงฤทธิ์ จงสร้างความรักสามมัคคีให้เกิดขึ้นในประเทศเมียนมา เพราะอย่างไรเสีย บ้านเกิดเมืองนอนของชาวเมียนมา ก็ไม่สามารถที่จะย้ายไปอยู่ที่ใดในโลกได้ นอกจากพื้นแผ่นดินเมียนมาเท่านั้น ขอจงอย่าได้แตกแยกหรือแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกันในหมู่ของประชาชน เพราะจะทำให้เกิดความละโมบในใจของเหล่าประชาชน ซึ่งจะนำมาสู่สงครามแห่งความคิดเกิดขึ้น ความไม่สงบก็จะลุกลามต่อไปไม่จบ สันติภาพก็จะไม่เกิดนั่นเองครับ

ข้อที่สี่ คราวนี้ผมไม่ได้เพียงขอพรจากพระผู้เป็นเจ้าเท่านั้น ผมยังขอความเมตตาจากผู้หลักผู้ใหญ่ในประเทศเมียนมา จงโปรดให้ปีกระต่ายนี้ เป็นปีแห่งการเลือกตั้งในประเทศเมียนมา เพื่อนำมาซึ่งการยอมรับจากนานาประเทศ เขาจะได้ไม่มีข้ออ้างที่จะเข้ามาแทรกแซงกิจการในประเทศเมียนมาได้ครับ สิ่งที่ขอไปนี้ ไม่จำเป็นต้องให้ไปสร้างความลำบากแก่พระผู้เป็นเจ้าก็ได้ ขอเพียงท่านผู้มีอำนาจมอบให้ ก็สำเร็จสมความปรารถนาของประชาชนชาวเมียนมาแล้วครับ

 

ข้อที่ห้า สุดท้ายผมก็ไม่ต้องขอพรจากพระผู้เป็นเจ้าเช่นกัน แต่ผมจะขอสัญญาจากประชาชนชาวเมียนมา ขอให้ท่านสัญญาว่าจะมีกำลังใจในการต่อสู้ เพื่อความอยู่ดีกินดี และจะทำการงานอย่างขยันขันแข็ง ไม่ย่อท้อต่อการงานที่ต้องทำ อีกทั้งการศึกษาที่มีความจำเป็นต่อชีวิตในภายภาคหน้า สัญญาว่าจะสู้ต่อไปอย่างสุดชีวิตนะครับ พวกเราชาวไทยทุกคน ในฐานะเพื่อนบ้านที่แสนเมตตาของท่าน ยินดีที่จะส่งแรงใจไปให้ท่านทุกๆคนในประเทศเมียนมาครับ

 

พรทั้งห้าข้อที่ขอไป จงดลบันดาลให้ชาวเมียนมาทุกผู้ทุกคน จงสัมฤทธิ์ผลอย่างรวดเร็วด้วยเทอญ!!!!!