สัญญาณของสันติภาพเริ่มเกิด

23 พ.ค. 2565 | 04:30 น.
อัปเดตล่าสุด :23 พ.ค. 2565 | 05:21 น.

คอลัมน์ เมียงมอง เมียนมา โดย กริช อึ้งวิฑูรสถิตย์

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสได้เรียนพบท่านอดีตรัฐมนตรีท่านหนึ่ง ในระหว่างที่สนทนากันนั้น ท่านได้สอบถามผมถึงความคิดเห็นว่า ตามที่มีข่าวออกมาเมื่อวานนี้ เห็นข่าวจากประเทศเมียนมาออกมาว่า ท่านพลเอก เจ้ายอดศึกได้เดินทางไปที่กรุงเนปิดอร์ เพื่อเข้าไปพบและเจรจาสันติภาพกับท่านพลเอก อาวุโส เมียน อ่อง หล่าย ประธานสภาบริหารแห่งชาติ SAC ในคณะของ พลเอก เจ้ายอดศึก ประกอบด้วย พ.อ.จาย เงิน เลขาธิการคนที่ 1 กับ พ.อ.แสง หาญ กรรมการ RCSS ทางด้านคณะของ พลเอก อาวุโส เมียน อ่อง หล่าย ประกอบด้วยพลเอก ซอ วิน รองประธาน SAC พล.อ.เมียะ ตุน อู พลโท โม มิ่น กรรมการ SAC และ พลโท หย่า เปี๊ยะ ประธานคณะกรรมการเจรจาสันติภาพ โดยผมได้เรียนท่านไปว่า นี่เป็นนิมิตหมายที่ดีมาก ที่จะได้มีการเริ่มต้นการเจรจาสันติภาพเสียที หลังจากที่รอคอยกันมานาน 
 

ต้องยอมรับว่า หลังจากที่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นต้นมา ก็ได้มีผู้ที่ไม่เห็นด้วย ได้มีการออกมาเดินขบวนประท้วงกันบนถนน และมีการจัดตั้งกลุ่มต่างๆออกมาอีกมากมาย เพื่อไม่ยอมรับการปกครองของรัฐบาลทหาร รูปแบบมีกันหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะทั้งบนดิน ก็มีการออกไปนอกประเทศพยายามก่อตั้งรัฐบาลเงา และใช้เวทีสากลทั้งหลาย อีกทั้งกดดันให้มีการเข้ามาแซงชั่นจากนานาชาติ ส่วนใต้ดินก็มีทั้งการจัดตั้งกลุ่ม CDM กลุ่ม PDF และอีกหลายๆกลุ่ม ซึ่งต่างก็ออกมาแสดงการไม่ยอมรับการปกครองจากกองทัพ ในรูปแบบต่างๆ ทำให้ทุกวันนี้ เหมือนจะหาทางออกไม่เจอ 

 

เมื่อสถานการณ์เริ่มจะสงบลงบ้างแล้ว แม้ว่ากลุ่มกองกำลังชนชาติพันธ์บางส่วน จะยังมีอาการไม่ยินยอมรับการเปลี่ยนแปลง และยังคงต่อต้านรัฐบาลทหารเมียนมาอยู่ ทางส่วนของ SAC เองก็ได้ออกมาเชิญกลุ่มกองกำลังชนชาติพันธ์ดังกล่าว เข้ามาร่วมเจรจาสันติภาพกันบนโต๊ะ

 

นั่นเป็นการแสดงให้เห็นว่า รัฐบาลเมียนมาโดยท่านพลเอก อาวุโส เมียน อ่อง หล่ายเอง ก็ได้ถอยออกมาหนึ่งก้าวแล้ว ซึ่งถือว่าเป็นนิมิตหมายที่ดีมาก ที่เราเริ่มมีความหวังจะได้เห็นสันติภาพบ้างแล้ว แม้การเจรจาจะยังไม่เสร็จสิ้นลง เพราะยังมีอีกหลายกลุ่มที่ได้รับเชิญมีการตอบรับมาแล้ว จะไม่ได้เข้าร่วมประชุมก็ตาม แต่ก็ยังดีครับ ที่ท่านพลเอก เจ้ายอดศึก ซึ่งนับว่าเป็นหนึ่งในกลุ่มกองกำลังที่เข้มแข็งมากๆ ได้มีความกล้าหาญและเห็นแก่ประเทศชาติ ได้เดินทางมายังกรุงเนปิดอร์ เพื่อเข้าร่วมประชุมเป็นกลุ่มแรก เพราะกองกำลังอื่นๆ ที่ได้รับเชิญ ยังไม่เห็นมีผู้นำกองกำลังท่านใด เดินทางเข้าไปยังกรุงเนปิดอร์เลยครับ
 

กองกำลังที่ตอบรับว่าจะร่วมเจรจาสันติภาพทั้งหมด 10 กลุ่มประกอบด้วย กองกำลังกะเหรี่ยงพุทธเพื่อประชาธิปไตย (DKBA) สภาแห่งชาติกะเหรี่ยงสันติภาพ (KNU/KNLA-PC) พรรครัฐมอญใหม่ (NMSP) พรรคปลดปล่อยอาระกัน (ALP) องค์กรปลดปล่อยชาติปะโอ (PNLO) สหภาพประชาธิปไตยลาหู่ (LDU) กองทัพสหรัฐว้า (UWSA) กองทัพเมืองลา (NDAA) และกองทัพพรรคก้าวหน้ารัฐฉาน (SSPP/SSA) หรือกองทัพรัฐฉานเหนือ และกองกำลังสภาเพื่อการกอบกู้รัฐฉาน (RCSS) หรือกองทัพรัฐฉานใต้ ซึ่งนำโดยท่านพลเอก เจ้ายอดศึกนั่นเองครับ
 

ในความเห็นของผมเอง การที่เจรจาสันติภาพจะเกิดความสัมฤทธิ์ได้ คิดว่าผู้นำกองกำลังทั้งหมด ที่ตอบรับการร่วมเจรจา จะต้องมีความเชื่อมั่นในรัฐบาลเมียนมาปัจจุบัน และตัวของท่านพลเอก อาวุโส เมียน อ่อง หล่าย โดยไม่มีความคลางแคลงใจอย่างสิ้นเชิง อีกทั้งจะต้องเดินทางมาเจรจาด้วยตนเอง ในแบบอย่างที่ท่านพลเอก เจ้ายอดศึกได้เดินทางมาเท่านั้น จึงจะเกิดสันติภาพได้ หากมอบหมายให้รองหรือใครก็ตามที่เป็นตัวแทนมา ผมเชื่อว่าจะไม่เกิดผลแน่นอนครับ

 

อีกประการหนึ่ง นอกจากสถานการณ์ปัจจุบันนี้ ต้องมองหลายๆ มิติ เพราะปัจจุบันนี้ ทั่วโลกทุกประเทศ ต่างก็ได้รับผลกระทบจากปัญหาโรคระบาด COVID-19 เกิดขึ้น ก็ทำให้เกิดความสูญเสียทางด้านเศรษฐกิจที่รุนแรงเพียงพออยู่แล้ว ยังต้องมาเผชิญกับปัญหาสงครามรัสเซีย-ยูเครน ปัญหาอื่นๆ ที่ตามมาอีกมากมาย หากผู้นำยังคงก้มหน้าก้มตา มองดูแต่ผลประโยชน์ของกลุ่มกองกำลังของตนเองเท่านั้น ประชาชนตาดำๆ ก็จะต้องรับชะตากรรมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
 

ดังนั้นตามที่ท่านพลเอก เจ้ายอดศึก แสดงความกล้าหาญออกมา ด้วยการเดินทางเข้าไปที่กรุงเนปิดอร์ในครั้งนี้ ผมคิดว่าเป็นความชาญฉลาดอย่างยิ่ง เพราะจะทำให้รัฐบาลเมียนมา โดยการนำของท่านพลเอก อาวุโส เมียน อ่อง หล่าย ได้เทใจกลับมาให้อย่างแน่นอน
 

อีกประการหนึ่ง ที่ผมเห็นจากการเจรจาตามที่หนังสือพิมพ์ในประเทศเมียนมารายงาน ถึงคำพูดคำหนึ่งที่ท่านพลเอก เจ้ายอดศึกพูดออกมา คือท่านบอกว่า “เพื่อเห็นแก่ประเทศชาติและประชาชน รัฐบาลเมียนมาต้องให้ความเชื่อมั่นแก่กองกำลังชาติพันธุต่างๆ” ซึ่งผมคิดว่าเป็นการฉลาดพูดมากๆ เพราะผมเชื่อว่า จะต้องมีบางกลุ่มบางพวกที่ไม่เห็นด้วยกับการเดินทางเข้าไปเจรจาสันติภาพในครั้งนี้ แต่พอพูดคำนี้ออกมา ผมเชื่อว่าจะได้ใจประชาชนคนทำมาหากินไปเยอะเลยครับ 
 

อย่างไรก็ตาม การเจรจายังจะต้องมียกต่อๆ ไปอีกหลายครั้ง เชื่อว่าเราคงจะต้องจับตาดูในเร็วๆ นี้ เราคงจะได้เห็นผู้นำกองกำลังกลุ่มอื่นๆ อีกหลายกลุ่ม คงจะได้มีการเดินทางเข้าไปกรุงเนปิดอร์ เพื่อเข้าพบท่านพลเอก อาวุโส เมียน อ่อง หล่าย แน่นอนครับ ไชโย....สันติภาพและความสงบสุขจะได้เกิดขึ้นเสียที หลังจากเราไม่สามารถเดินทางเข้าไปเมียนมา และรอคอยมานานเกือบสามปีแล้ว