รัฐบาลต้องหาทางออก เลิกตรึงราคาดีเซล

27 เม.ย. 2565 | 06:40 น.
606

บทบรรณาธิการ

สถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกยังคงผันผวนอยู่ในระดับสูง 100 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล จากตลาดที่ตึงตัวจากที่หลายประเทศหลีกเลี่ยงการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย โดยเฉพาะทางฝั่งยุโรปมีมาตรการห้ามนำเข้าน้ำมันบางชนิดจากรัสเซียเพื่อสร้างแรงกดดันต่อรัสเซียให้มากที่สุด แม้ว่าราคาน้ำมันดิบจะอ่อนตัวลงมาบ้างหลังจากที่จีนได้ล็อกดาวน์การควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ปักกิ่ง กระทบความต้องการใช้น้ำมันในจีนก็ตาม 
 

ราคาน้ำมันดิบที่เป็นอยู่สะท้อนราคาขายปลีกน้ำมันสำเร็จรูปในบ้านเรา อย่างน้ำมันดีเซลควรจะอยู่ที่ 40.46 บาทต่อลิตร แต่จากมาตรการตรึงราคาของรัฐบาลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร ทำให้ราคาขายปลีกดีเซลอยู่ที่ 29.94 บาทต่อลิตร กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงชดเชยอยู่ที่ 10.52 บาทต่อลิตร ขณะที่ก๊าซหุงต้มภาคครัวเรือน หากจะสะท้อนตามความเป็นจริงราคาขายปลีกควรจะอยู่ที่ 37.39 บาทต่อกิโลกรัม แต่กองทุนน้ำมันยังชดเชยอยู่ 17.52 บาทต่อกิโลกรัม ส่งให้ราคาปัจจุบันอยู่ที่ 19.87 บาทต่อกิโลกรัม

การตรึงราคาน้ำมันดีเซลและก๊าซหุงต้ม ส่งผลให้ฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงติดลบไปแล้วราว 56,278 ล้านบาท แยกเป็นบัญชีน้ำมันติดลบ 24,302 ล้านบาท และบัญชีก๊าซหุงต้มติดลบ 31,976 ล้านบาท 
 

เมื่อพิจารณาฐานะกองทุนน้ำมันฯ แล้ว หากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป กองทุนน้ำมันฯ จะมีฐานะติดลบมากขึ้น และอาจจะพอกพูนเหมือนเช่นในอดีต ที่เคยมีการนำเงินมาชดเชยราคาน้ำมันดีเซลเกือบ 1 แสนล้านบาท 

ดังนั้น ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2565 นี้ เป็นต้นไป รัฐบาลจะปล่อยให้ราคาน้ำมันดีเซลลอยตัว หรือราคาขึ้นไป 10 บาทต่อลิตร แต่มีมาตรการที่จะหาเงินมาช่วยครึ่งหนึ่ง หรือน้ำมันดีเซลปรับขึ้นไปราว 5 บาทต่อลิตร ส่วนจะทยอยปรับขึ้นหรือปรับขึ้นครั้งเดียวนั้น กระทรวงพลังงานจะไปพิจารณาอีกครั้ง 
 

อีกทั้ง วันที่ 20 พฤษภาคม 2565 มาตรการลดภาษีสรรพสามิตดีเซลลิตรละ 3 บาท ระยะเวลา 3 เดือน จะครบกำหนด จะส่งผลให้กลับไปเก็บภาษีที่ลิตรละ 5.99 บาทต่อลิตร 
 

ผลคือผู้บริโภคตาดำๆ คงต้องเผชิญชะตากรรมกับค่าครองชีพที่จะสูงขึ้นตามมาอีกระลอก จากต้นทุนค่าขนส่งในการผลิตและขนส่งสินค้า 
 

สหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย ชี้ให้เห็นว่า ราคาน้ำมันดีเซลที่เพิ่มขึ้นทุกลิตรละ 1 บาท ส่งผลให้ค่าขนส่งเพิ่มขึ้น 3% และส่งผ่านต้นทุนไปยังราคาสินค้าของผู้ผลิตต้องปรับราคาขึ้นตามไปด้วยอย่างน้อย 20% ขณะที่จุดคุ้มทุนของค่าขนส่งราคาน้ำมันดีเซลควรอยู่ที่ลิตรละ 25 บาท โดยที่ผ่านมาผู้ประกอบการขนส่งแบกภาระต้นทุนน้ำมันไว้มาก ไม่ขึ้นค่าขนส่งตั้งแต่เดือนมกราคม 2565  
 

ทางออกเรื่องนี้ มีการเสนอให้ขยายเวลาลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลออกไปอีก 3 เดือน รวมถึงการปรับลดภาษีลงมาอีก 3 บาทต่อลิตร เพราะ  3 เดือนที่ผ่านมา รัฐสูญเสียรายได้เพียง 17,000 ล้านบาท และขอให้ยกเลิกการนำไบโอดีเซล (บี 100) ไปเป็นส่วนผสมในน้ำมันดีเซลชั่วคราว จะช่วยราคาลดลงได้ 1.50-2 บาทต่อลิตร เป็นต้น 
 

นอกจากนี้ หากรัฐบาลแยกการช่วยเหลือผู้ใช้น้ำมันดีเซลเฉพาะกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการขนส่ง ก็จะเป็นทางออกอีกทางหนึ่ง ที่จะช่วยกองทุนน้ำมันฯ แบกรับภาระลดลง เพราะอย่างลืมว่าการตรึงน้ำมันดีเซลไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร กลุ่มผู้ใช้รถส่วนตัวหรือกลุ่มรถหรู ได้อานสงส์เป็นจำนวนมาก เมื่อเทียบกับรถบรรทุกที่ใช้น้ำมันดีเซลราว 1 ล้านลิตรต่อวัน จากปริมาณการใช้ดีเซลในภาพรวมรวม 63 ล้านลิตรต่อวัน ซึ่งทั้งหมดขึ้นอยู่กับว่ารัฐบาลจะตัดสินใจอย่างไร