JTS เกม...ในมือเสี่ยพิชญ์

24 ธ.ค. 2564 | 07:00 น.
3.0 k

คอลัมน์เมาธ์ทุกอำเภอ By…เจ๊เมาธ์

*** บอกไปแล้วว่าถ้าเป็นหุ้นพื้นฐานดีพอ ถึงจะปรับตัวลงแต่ก็มันเป็นวัฏจักรที่จะลงได้ไม่นาน เพราะหากเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นกลับเข้าที่...ทุกอย่างที่เคยคิดว่าแย่เมื่อเวลาผ่านไปก็จะกลับมาได้เหมือนเดิม ดูอย่างหุ้นขบวนรถไฟฟ้า EA NEX และ BYD เป็นตัวอย่างก็ได้ หลังจากที่ราคาหุ้นวิ่งแรงมากจนทะลุระดับแรงซื้อที่มากเกินไป (Overbought) แต่สุดท้ายก็ผ่อนคลายความแรงลงไปตามสถานการณ์ แต่ก็นั่นหละ
 

ของมันดี ถึงยังไงมันก็ดีอยู่วันยังค่ำ เพราะกระแสของรถไฟฟ้า (EV) ที่มีทั้ง EA NEX และ BYD ที่มีบทบาทเป็นผู้เล่นสำคัญได้ถูกจุดติดขึ้นมาแล้ว และของแบบนี้ก็การันตีได้เลยว่า “ใครทำก่อน...ได้เปรียบกว่า” ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องแปลกใจที่ได้เห็นราคาหุ้นของทั้ง 3 บริษัทต่างก็ทำราคานิวไฮได้แทบทุกวัน เอาเป็นว่าจับตาดูให้ดีปีหน้าอาจจะมีอะไรที่ดีกว่านี้ออกมาให้เห็น ซึ่งนั่นอาจจะทำให้ราคาที่บอกกันว่าสูงมากแล้วในวันนี้กลายเป็นราคาที่ต่ำเกินไปก็ได้ ถึงวันนั้นก็อย่ามาเสียใจนะคะ...วันนี้น้องซี่บอกไว้แล้วค่ะ
 

 *** นาทีนี้ JTS มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดเกือบๆ แสนล้านบาท ซึ่งหมายความว่า JAS ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ที่ถือหุ้นในทางตรงที่ 32.8% มีมูลค่าของสินทรัพย์เฉพาะในส่วนของ JTS อยู่สูงเกือบ 3 หมื่นล้านบาท และหากนับแต่เฉพาะส่วนที่ เสี่ยพิชญ์ โพธารามิก ถือหุ้นใหญ่อยู่ใน JAS รวมกันมากกว่า 53% ของปริมาณหุ้นจดทะเบียนทั้งหมดจะพบว่าเสี่ยพิชญ์ มีมูลค่าของสินทรัพย์อยู่ในส่วนของ JTS มากกว่า 1.5 หมื่นล้าน
 

ยังไม่นับรวมการถือหุ้นทางอ้อมที่ทาง JAS ถือหุ้นอยู่ใน JTS อีกกว่า 20% ซึ่งหากรวมทั้งทางตรงและทางอ้อมทำให้ JAS เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ที่มีสัดส่วนในการถือหุ้นรวมใน JTS แล้วมากกว่า 50% อาจจะมีมูลค่าสินทรัพย์ที่คิดเฉพาะในส่วนของ JTS มีมูลค่ารวมเกือบๆ 5 หมื่นล้านบาท 
 

หมายความว่า เสี่ยพิชญ์ โพธารามิก อาจจะมีสินทรัพย์เฉพาะในส่วนที่เป็นของ JTS มากกว่า 3 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นสัดส่วนพอๆ กับมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดของ JAS ทั้งบริษัทที่มีอยู่ราว 3 หมื่นล้านบาทเช่นกัน
 

ประเด็นคือการที่ พิชญ์ โพธารามิก เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ซึ่งมีอิทธิพลในทางตรงกับ JAS และมีอิทธิพลในทางอ้อมกับ JTS (แต่ในทางปฏิบัติอาจจะมีอิทธิพลทางตรงกับทั้งสองบริษัท) กำลังจะทำอะไร 
 

อย่าลืมว่าก่อนหน้านี้ JAS เคยเปลี่ยนตัวเองจากเจ้าของมาเป็นผู้เช่าโดยการขายโครงข่ายเคเบิลใยแก้วเพื่อเอาเงินมาปันผล รวมถึงเอากำไรสะสมที่มีของ JAS แทบทั้งหมดที่มีมาปันผลจนทำให้ JAS กลายเป็นบริษัทที่งบการเงินกลวงโบ๋มาแล้ว ซึ่งไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใครจะได้รับประโยชน์มากที่สุดเพราะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ 

เรามาตามดูว่าลงทุนปันกันมาขนาดนี้แล้วในอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นกับ JTS กันบ้าง เจ๊เมาธ์ก็ไม่อยากพูดหรือตีตนไปล่วงหน้านะคะ เอาเป็นว่าเกมนี้น่าจะใหญ่...และยาวแน่นอนค่ะ
 

*** ถ้าคิดว่าการที่ DELTA หลุดออกมาจาก SET50 SET100 แล้วไม่เห็นจะมีอะไร เจ๊เมาธ์ก็อยากให้ค่อยๆคิดและจับประเด็นให้ดี อย่างแรกที่ตอนนี้ยังไม่เป็นปัญหาก็เพราะว่า DW หลายตัวที่ออกมาอ้างอิง DELTA จะมีอายุไปจนถึงเดือน 4 ปีหน้า (เมษายน) ซึ่งหมายความว่าการลากและดันราคาหุ้นแม่เพื่อเล่นหุ้นลูกก็จะมีไปจนถึงเดือน 4 ปีหน้าเช่นเดียวกัน ส่วนเรื่องที่สองคือ ถ้าสังเกตก็จะเห็นว่ามูลค่าการซื้อขายก็จะแผ่วลงและหายไปอย่างช้าๆ ก็ประมาณว่า “รินออกเบาๆ” และจากนี้ไปก็อาจจะเห็นราคาหุ้นของ DELTA ค่อยๆ เสื่อมมูลค่าลงไปเรื่อยๆ เอาเป็นว่าก็จับตาดูกันไป เจ๊เมาธ์ไม่อยากพูดมากนะคะ...เจ็บคอเจ้าค่ะ อิอิอิ 
 

*** หุ้นถั่งเช่า NV ลั่นระฆังซื้อขาย 24 ธ.ค. จะเป็นซานต้า แจกรางวัลให้นักลงทุนอู้ฟู่ แค่ไหน ลุ้นกันนะ ตัวก่อนหน้า ซานต้า แจกรางวัลพอประมาณ อย่าง WFX ส่วน BRI เสี่ยใหญ่ใจไม่ปล้ำพอ แค่ไม่ต่ำจอง เจ๊เมาธ์ ว่าโอเครแล้วนะคะ 
 

*** ส่วนลูกหุ้นเพิ่มทุนแมคโคร (MAKRO) กว่า 700 ล้านหุ้น ที่ขายนักลงทุนทั่วไป ใครก็ซื้อได้ ราคา 43.50 บาท  มีส่วนต่างราว 1 บาท จากราคากระดาน 44.50 บาท... ใครจองซื้อไว้เสียวหนักมาก วันที่ 24 ธ.ค. ลูกหุ้นเข้าซื้ออย่าแย่งกันชิงขายออกมา เพราะราคาที่ขาย 43.50 บาท แพงระยับ แทบไม่ให้กำไรนักลงทุน นิสัยนี้ เหมือนใครหว่า กินรวบคนเดียว
 

หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 41 ฉบับที่ 3,743 วันที่ 26 - 29 ธันวาคม พ.ศ. 2564