DPAINT...โหดเหี้ยมเกินบรรยาย

03 พ.ย. 2564 | 06:30 น.
28.2 k

คอลัมน์เมาธ์ทุกอำเภอ By...เจ๊เมาธ์

*** ความร้อนแรงของกระแสหุ้นไอพีโอ ในตลาดทุนจะเป็นตลาด SET หรือ ตลาด Mai สร้างกำไรเป็นกอบเป็นกำให้กับนักลงทุน เกิดเป็นช่องโหว่ เป็นเครื่องมือให้กับเครือข่ายมาร์เก็ตติ้ง ให้นักลงทุนเป็นเหยื่อ เหมือนหุ้น สีเดลต้า (DPAINT) สร้างชื่อเสียงและชื่อเสีย ตั้งแต่วันแรกที่เข้าตลาด (28 พ.ย.) ถึงวันนี้ เจ๊เมาธ์ พร้อมแล้วจะลากไส้ให้ฟัง ว่าใครทำอะไร สร้างบาดแผลให้กับนักลงทุนในตลาดหุ้นไว้อย่างไรบ้าง
 

เริ่มจากหุ้นสีเดลต้า มี บล.ฟินันซ่า เป็นที่ปรึกษาการเงิน เบื้องหลัง-เบื้องหน้า ไม่ต้องรื้อฝอยหาตะเข็บ แต่ถ้าเป็นคนรุ่นเก่าๆ ในตลาดหุ้น จะรู้ดี ...หุ้นไอพีโอ ตัวนี้ จะตกไปอยู่ในมือใครมากเป็นพิเศษ ???? ขึ้นอยู่กับการจัดสรรของที่ปรึกษาการเงิน 
 

วันแรกที่หุ้น DPAINT เข้าซื้อขาย หลอกล่อแมงเม่าบินเข้ากองเพลิง เปิดซิลลิ่ง 22.50 บาท พุ่ง 200% จากราคาไอพีโอ 7.50 บาท มีส่วนต่างถึง 15 บาท ก่อนย่อลงมา 18-19 บาท อยู่พักใหญ่ๆ ล่อแมงเม่าเข้าไปรับ ตัวละครสำคัญของ DPAINT อยู่ที่ 2 คนนี้ ถ้าไม่มีคนที่ชื่อ “วิไล ตั้งคารวคุณ” และ “แก๊งมาร์เก็ตติ้งหิวแสง” เป็นคนละเรื่องเดียวกัน 

ว่ากันว่า การทำราคาเปิด DPAINT ซิลลิ่ง เป็นฝีมือของแก๊งมาร์เก็ตติ้งที่หัวหน้าแก๊ง ชอบอวดตัวเป็นไฮโซ ใส่แหวนเพชรเม็ดโต แต่คลาสสุดโลว์ คดีฟ้องรอบตัว คดีเช็คเด้งก็มี ต้องการเปิดซิลลิ่งโชว์ หาดีล แย่งดีลไอพีโอ ให้เห็นว่า ฝีมือการตีหุ้น ไม่ธรรมดา ถ้าใครเป็นลูกค้าไอพีโอ ไม่ผิดหวัง หุ้นเทรดวันแรกจะร้อนแรงซิลลิ่ง แต่ท้ายสุดแล้วดิ่งเหว เหมือนที่แก๊งนี้เคยทำไว้กับหุ้นหลายๆ ตัว แม้นักลงทุน คนในตลาดทุน รู้กิตติศัพท์ไฮโซจอมปลอม อย่างดี แต่ไม่รู้ความโลภอะไรเข้าตา ถูกมาร์เก็ตติ้ง คราบไฮโซ กล่อมจนเคลิ้ม
 

หลังจากที่หุ้น DPAINT ขึ้นสู่ดวงดาวในพริบตา แล้วตกสวรรค์ลงมาแถว 18 บาท ...มาร์เก็ตติ้งแสบ ออกล่าเหยื่อทันที ขอให้ “กลุ่มนักลงทุนรายใหญ่” ช่วยซื้อๆ เลย 18-19 บาท ถ้าขาดทุนยินดีจ่าย 200,000 บาท 
 

นักลงทุนเข้าไปช่วยรับหุ้น แต่กลับถูกมาร์เก็ตติ้งมนต์ดำขายหุ้นใส่ออกมาทันที หุ้นที่ยืน 18-19 บาท ร่วงเละเหลือ 11.50 บาท นักลงทุนขาดทุนย่อยยับ ทวงถามส่วนต่างได้มาเศษสตางค์ ของมาร์เก็ตติ้งมนต์ดำ ที่ได้กำไรนับ 100 ล้านบาท นักลงทุนกลุ่มนี้ถึงกับสาปส่ง-สาปแช่ง มาร์เก็ตติ้งแสบนี้อย่างแสบสัน 
 

แล้ว “วิไล ตั้งคารวคุณ” ล่ะ เกี่ยวอะไรกับความเสียหายย่อยยับนี้ ถ้า “วิไล” ไม่ใช่แค่ ภรรยาของ “องอาจ ตั้งคารวคุณ” ผู้ถือหุ้นใหญ่ และเจ้าของสีเดลต้า แต่เป็นคน “สาดหุ้น” DPAINT ออกมา 20 ล้านหุ้น หรือเกือบ 9% ตั้งแต่วันแรกที่หุ้นเข้าซื้อขายในตลาด จากหุ้นทั้งหมดที่ถืออยู่ 22 ล้านหุ้น เหลือแค่ 2 ล้านหุ้น หรือไม่ถึง 1%  


แม้ว่า “วิไล” จะขายราคาซิลลิ่ง หรือดิ่งเกือบฟลอร์หรือไม่ เธอย่อมรู้อยู่แก่ใจ แต่หากมองความเหมาะสมแล้ว ไม่สมควรอย่างยิ่ง ขนาดผู้ถือหุ้นใหญ่ ยังขายหุ้นวันแรก ทำร้ายรายย่อยแบบไม่ต้องหาคำพูดใด ๆ มาอธิบาย 
 

คิดคร่าว ๆ วันนั้นการขายหุ้นของ “วิไล” ตามที่รายงานก.ล.ต.ไว้ 20 ล้านหุ้น ราคาต่ำสุด 11.50 บาท เธอได้รับเงินจากการขายหุ้น 230 ล้านบาท และถ้าขายที่ซิลลิ่ง ได้รับเงิน 450 ล้านบาท...เทียบกับผลประกอบการครึ่งปี บริษัทเดลต้า กำไร 33 ล้านบาท ทุบหุ้นได้ถึง 450 ล้านบาท ???? 
 

ที่สำคัญหุ้นจำนวนมากขนาดนี้และเป็นหุ้นในส่วนของผู้ถือหุ้นใหญ่ ไม่ถูกระยะห้ามขาย หรือไซเร้นพีเรียด หากเรื่องนี้ยังเงียบไม่มีคำตอบจากสำนักงานก.ล.ต. เจ๊เมาธ์เกรงว่าจะเกิดเรื่องซ้ำๆ แบบนี้อีก ซึ่งไม่ต่างกับหุ้น UBE ที่ผู้ถือหุ้นใหญ่ ขายออกมาถล่มใส่นักลงทุนตั้งแต่วันแรก ฝากถามไปถึงก.ล.ต. หรือ ตลาดหลักทรัพย์ หน่วยงานควบคุมดูแล ควรจะพิจารณาปรับปรุงกฎเกณฑ์ Silent Period อย่างเร่งด่วน เพื่อป้องกันการเอารัด-เอาเปรียบรายย่อย อย่าปล่อยให้เรื่องนี้เงียบหายเป็นสายลม ถ้าหากก.ล.ต. ปกป้องนักลงทุนรายย่อยจริงจัง 
 

วันนี้ คงไม่ต้องบอกว่าหุ้นสีเดลต้า สีบาดตา จะขึ้นไปไหนได้ อีกไกลเมื่อทุกคนประจักษ์แล้วว่า การขายหุ้น “วิไล ตั้งคารวคุณ” 20 ล้านหุ้น ตั้งแต่วันแรก และแก๊งมาร์เก็ตติ้ง ที่ใช้โอกาสของการเป็นบริษัทเอฟเอ กอบโกยกำไร บนความโหดเหี้ยม ไร้จิตสำนึก  ทิ้งไว้บนคราบความเสียหายของนักลงทุนรายย่อย


หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 41 ฉบับที่ 3,728 วันที่ 4 - 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564