ชีวิตไม่รั่วถ้ารู้จักใช้หัว กับ ออกหน้า?

03 ก.ค. 2564 | 05:09 น.
831

ชีวิตไม่รั่วถ้ารู้จักใช้หัว กับ ออกหน้า? : คอลัมน์ เปิดมุกปลุกหมอง ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3693 หน้า 6 ระหว่างวันที่ 4-7 ก.ค.2564 โดย... ดร.สุรวงศ์ วัฒนกูล

มีพรสวรรค์มิสู้มีความรู้ดี

 

มีความรู้ก็มิอาจสู้ทำงานดี

 

ทำงานดีมิสู้ประพฤติตัวดี 

 

เคยมีเจ้าสัวเจ้าของธนาคารแห่งหนึ่งเขาสอนลูกหลานขัดกับปรัชญานี้ ผมถือโอกาสกราบเท้าชวนท่านผู้อ่านลองคิดแล้วตอบในใจดูว่า ถ้าท่านเป็นเจ้าสัว จะเลือกคำตอบไหน เจ้าสัวคุยหลักการให้ใครต่อใครฟังว่า


“ถ้าในบริษัทเรามีพนักงานที่มีคุณลักษณะแปลกแยกอยู่สองคน คนแรก หาเงินได้วันละ 60 บาท เขานำส่งให้ฝ่ายจัดหารายได้ครบถ้วน 60 บาท คนที่สอง หาเงินได้วันละ 90 บาท เขานำส่งให้ฝ่ายจัดหารายได้ 70 บาท อีก 20 บาท อุบอิบเอาไว้กินยาดองแก้เสี้ยน เราควรจะเลือกใครเป็นหัวหน้างาน สำหรับผมเลือกไอ้คนที่สองเพราะว่าเขาทำเงินได้มากกว่า!”

 

หัวหน้า มีหน้าที่พื้นฐานที่จะต้องแตกฉานอยู้สองอย่าง คือ ใช้หัว กับ ออกหน้า

 

สังคมสมัยนี้หันมาบูชา “วัด-ธน-ทำ” กันจนบ้านเมืองเสื่อม จะทำอะไรก็ต้องถามกันชัดๆ ว่า จ๊อบนี้ให้ “ธน” ด้วยอ๊ะเปล่าจ๊ะ ถ้า “วัด” ดูแล้วว่ามีแววว่าไม่ให้ “ธน” ก็ไม่รู้จะเข้าร่วม “ทำ” ทำไม [ฮา]


 


พี่อี๊ด ดร.เสรี วงษ์มณฑา โทรมาติดต่อให้ไปช่วยชาติ [ช่วยชาติเป็นถ้อยคำแซวกันเล่นๆ ในกรณีรับงานบรรยายให้กับหน่วยงานราชการ เพราะว่าได้ตังค์น้อย] พี่อี๊ด รู้ดีว่าผมเป็นคนอยากจน จึงโทรมาหว่านล้อมย้อมใจให้ไปร่วมงานว่า

 

“สุรวงศ์ วันนี้พี่ขอวิ่งผ่านถนนน้องหน่อยนะ [ขอร้อง โปรดอย่ามโน ท่านหมายถึงขอแรงให้ไปช่วยชาติจริงๆ - ฮา] ตำรวจเขาขอให้เราเล่าประสบการณ์การทำงานบริการให้สังคมชื่นใจอ่ะนะ บรรยายครึ่งวัน บริษัทพี่รับเป็นเจ้าภาพจัดหาวิทยากร พี่สั่งจ่ายให้ สุรวงศ์ 6,000 บาท ได้ป่ะ?”

 

หลังจากจับไมค์บรรยายขยายความคิดสะกิดต่อมฮาจนเคลียร์คัทเนื่องจากเป็นหัวข้อที่สันทัดอยู่แล้วว่า ปฏิสัมพันธ์การบริการ 360 องศา ควรทำอย่างไร ผมแปลกใจที่นายตำรวจหนุ่มฟ้อหล่อเฟี้ยวเดินเข้ามาตะเบ๊ะ พร้อมกับเปิดแฟ้มให้เซ็นต์รับค่าบรรยาย 3,000 บาท

 

“อ้าว เห็น ดร.เสรี วงษ์มณฑา ท่านบอกว่าทางตำรวจไม่มีงบในส่วนนี้ไม่ใช่เหรอ?”

 

นายตำรวจหนุ่มยิ้มโชว์ความหล่อแล้วอธิบายด้วยความคล่องแคล่วว่า

 

“ช่วงที่ติดต่อผม ไม่แน่ใจว่าจะทำเรื่องเบิกงบได้ทันหรือเปล่า พอดีอนุมัติทันน่ะครับ?”

กลับมาเล่าให้ เลขาฟัง เลขาเธอยิงธนู ท่านเปา เข้ากลางสมองว่า

 

“หนูว่า อาจารย์ ไม่ควรรับสองทางนะคะ จะเอาซองไหนก็เอาไปสักซองหนึ่ง!!!”
ผมนี่ชาวูบตั้งแต่หัวใจไปถึงกระดูกก้นกบ นึกในใจว่า ให้โบนัสหล่นทับตายเถอะ กำลังจะหามส้มหล่นทะลึ่งยื่นตรากระทรวงยุติธรรมเข้ามาแทรก [ฮา]

 

ผ่านไปไม่นานนัก ดร.เสรี วงษ์มณฑา ได้โปรเจคกิจกรรม แซววที โปรโมทรถปิคอัพทั่วไทยเพื่อเรียกความสนใจลูกค้าคือ พี่อี๊ด ท่านกำชับ ทส. คนสนิท ให้ติดต่อมาถึงผมว่า

 

“เราจะเซ็ททีม แซวววาที 5 ท่าน ต่อ 1 จ๊อบ ผู้ดำเนินรายการ 1 ท่าน ฝ่ายแซว 2 ฝ่ายซ่า 2 และ ในจำนวนนักพูดทั้ง 4 ท่าน ที่เราจะเชิญเข้าร่วมสัญจรทั่วไทย ขอล็อคคิว สุรวงศ์ เป็น ตัวหลักยืนพื้นทุกจังหวัด

 

นอกนั้นอีก 3 ท่าน ให้เชิญหมุนเวียนสลับเปลี่ยนกันไป ในฐานะที่ สุรวงศ์ มีความสามารถ และ สำแดง สปิริต คืนเงินกลับมาให้พี่ พี่ถือว่าเป็นแบบอย่างอันดีที่วิทยากรพึงประพฤติปฏิบัติ!!!”

 

พระเจ้าช่วยกล้วยทอด โปรเจคนั้น พี่อี๊ด ขอราคาเหมาจ๊อบละ 10,000 บาท ต่อ 1 ท่าน เดินสายทอล์ค 76 จังหวัด สมัยนั้น คิดเสียว่าเป็นการทัศนาจร งานนี้ผมได้คนเดียว 760,000 บาท

 

เคสนี้นอกจากผมจะชื่นชมย้อนหลังว่า เลขาเธอพูดถูก ผมต้องถวายบังคมยกย่อง พระเจ้าอยู่หัว ในหลวง รัชกาลที่ 9 เพราะท่านเคยมีพระดำรัสให้สติแก่คนไทยว่า

 

ขาดทุน คือ กำไร