ความกังวลเกี่ยวกับการเรียกเก็บภาษีศุลกากรของสหรัฐ ได้ทำลายความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัย ส่งผลให้ดอลลาร์ดิ่งลงอย่างหนัก
ณ เวลา 22.42 น. วันที่ 11 เม.ย.ตามเวลาไทย ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลบ 0.85% สู่ระดับ 100.01 ขณะที่ดอลลาร์อ่อนค่า 1.16% สู่ระดับ 1.133 เทียบยูโร และร่วงลง 0.66% สู่ระดับ 143.49 เยน
ก่อนหน้านี้ นักลงทุนคาดการณ์ว่า นโยบายการตั้งกำแพงภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะช่วยหนุนค่าเงินดอลลาร์ แต่ในทางกลับกัน ดอลลาร์ได้ทรุดตัวลง 7% นับตั้งแต่ทรัมป์เข้ารับตำแหน่ง และดิ่งลงกว่า 2% นับตั้งแต่ทรัมป์ประกาศมาตรการเรียกเก็บภาษีศุลกากรต่อประเทศคู่ค้าเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
การอ่อนค่าของดอลลาร์ยังเกิดขึ้นพร้อมกับแรงเทขายในตลาดหุ้นและพันธบัตรของสหรัฐ ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่า นักลงทุนต่างชาติกำลังเทขายสินทรัพย์สหรัฐหลังการประกาศนโยบายภาษีของทรัมป์ ส่งผลให้ดอลลาร์อ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง
ดอลลาร์ยังถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยจากการทำสงครามการค้า
ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งขึ้น หลังจากที่ทรัมป์เรียกเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariff) ต่อประเทศคู่ค้า ก่อนที่จะประกาศชะลอการเรียกเก็บออกไป 90 วัน
นายนีล แคชแครี ประธานธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) สาขามินนีแอโพลิส กล่าวว่า การปรับตัวของตลาดในระยะนี้ ท่ามกลางการทำสงครามการค้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แสดงให้เห็นว่า นักลงทุนกำลังถอนตัวออกจากสหรัฐ ซึ่งก่อนหน้านี้ถูกมองว่าเป็นสถานที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับการลงทุน
"การที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลพุ่งขึ้นและดอลลาร์อ่อนค่าลงในระยะนี้ ถือเป็นสิ่งที่ตรงข้ามกับที่คุณเคยเห็นมา ซึ่งตามปกติแล้ว เมื่อมีการเพิ่มอัตราภาษีศุลกากรจำนวนมาก ดอลลาร์ก็มักจะแข็งค่าขึ้น แต่การที่ดอลลาร์ดิ่งลงในระยะนี้ ได้สร้างความน่าเชื่อถือต่อรายงานที่ว่า ความพึงพอใจของนักลงทุนได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว"
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนจับตาถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์หน้า เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้แนวโน้มเศรษฐกิจและทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากนโยบายตั้งกำแพงภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ
ทั้งนี้ นายพาวเวลมีกำหนดกล่าวสุนทรพจน์ในงานเสวนาว่า ด้วยแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ ซึ่งจัดโดยสมาคมเศรษฐกิจแห่งชิคาโก (Economic Club of Chicago) ในวันพุธที่ 16 เม.ย. เวลา 13.30 น. ตามเวลาสหรัฐ หรือตรงกับวันพฤหัสบดีที่ 17 เม.ย. เวลา 00.30 น.ตามเวลาไทย