เปิดแผนสิงคโปร์แจกเงินช่วยค่าครองชีพประชาชน ธ.ค.นี้ สูงสุดกว่า 2 หมื่นบาท

20 พ.ย. 2566 | 05:33 น.
อัปเดตล่าสุด :20 พ.ย. 2566 | 06:23 น.
2.7 k

สิงคโปร์ หนึ่งในชาติสมาชิกอาเซียน เป็นประเทศที่มี "โครงการแจกเงินสด" ช่วยเหลือประชาชนเพื่อช่วยบรรเทาภาระค่าครองชีพและเงินเฟ้อที่พุ่งสูงในช่วงเวลานี้เช่นกัน โดยโครงการดังกล่าวคาดว่าจะช่วยเหลือชาวสิงคโปร์ได้มากกว่า 5 ล้านคน ต่อไปนี้เป็นรายละเอียดของโครงการ

เพื่อ ช่วยบรรเทาภาระค่าครองชีพ และเงินเฟ้อที่พุ่งสูง รัฐบาลสิงคโปร์ มี แผนแจกเงินประชาชน ทุกคนที่อายุ 21 ปีขึ้นไป มูลค่าตั้งแต่ 200-800 ดอลลาร์สิงคโปร์ (5,280-21,120 บาท) ภายใต้ชื่อ โครงการ Assurance Package โดยจะเริ่มแจกในเดือนธันวาคมนี้

กระทรวงการคลังสิงคโปร์เปิดเผยกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา (15 พ.ย.) ว่า รัฐบาลมีโครงการแจกเงินประชาชนชาวสิงคโปร์ “ทุกคน” ที่มีอายุตั้งแต่ 21 ปีขึ้นไป ไม่ว่าจะมีรายได้หรือถือครองสินทรัพย์เท่าใดก็ตาม โดยมูลค่าเงินช่วยเหลือจะลดหลั่นกันไปตามรายได้ต่อปีและการถือครองอสังหาริมทรัพย์ของแต่ละบุคคล ซึ่งแบ่งเป็น 4 กลุ่ม คือ

  • ผู้มีรายได้ต่อปีไม่เกิน 34,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ จะได้เงินช่วยเหลือรวม 800 ดอลลาร์สิงคโปร์ (ประมาณ 21,120 บาท ณ อัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์สิงคโปร์ = 26.40 บาท)
  • ผู้มีรายได้ต่อปีเกิน 34,000 แต่ไม่เกิน 100,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ จะได้เงินช่วยเหลือรวม 500 ดอลลาร์สิงคโปร์ (ประมาณ 13,200 บาท)
  • ผู้มีรายได้ต่อปีเกิน 100,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ จะได้เงินช่วยเหลือรวม 200 ดอลลาร์สิงคโปร์ (ประมาณ 5,280 บาท)
  • ผู้ที่ถือครองอสังหาริมทรัพย์มากกว่า 1 ยูนิตหรือ 1 แปลงขึ้นไป จะได้เงินช่วยเหลือ 200 ดอลลาร์สิงคโปร์ (ประมาณ 5,280 บาท)

รัฐบาลสิงคโปร์ออกมาตรการแจกเงินประชาชนเพื่อช่วยบรรเทาภาระค่าครองชีพและเงินเฟ้อที่พุ่งสูง

โครงการดังกล่าว ประกาศใช้เป็นครั้งแรกในงบประมาณปี 2563 ที่ผ่านมา วัตถุประสงค์เพื่อช่วยบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนที่พุ่งสูงขึ้นเนื่องจากมีการเก็บภาษีสินค้าและบริการ (GST) เพิ่มเติม โดยการจ่ายเงินจะทยอยดำเนินการในช่วงเวลา 5 ปี ตั้งแต่ปี 2022-2026 (พ.ศ. 2565-2569)

ต่อมาในการประกาศใช้งบประมาณปี 2566 นาย ลอว์เรนซ์ หว่อง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีคลังสิงคโปร์ ได้เพิ่มเติมสิทธิประโยชน์ให้กับโครงการ Assurance Package เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์เงินเฟ้อที่ขยับสูงขึ้นและเป็นการให้ความช่วยเหลือเฉพาะหน้าเพิ่มเติมแก่ชาวสิงคโปร์ที่ต้องเผชิญค่าครองชีพที่ถีบตัวสูง

“การขยายเพิ่มสิทธิประโยชน์นี้ก็เพื่อสร้างความมั่นใจว่าโครงการ Assurance Package จะให้ความช่วยเหลือแก่ชาวสิงคโปร์ส่วนใหญ่ อย่างต่อเนื่องในการรับมือกับค่าครองชีพที่สูงขึ้นจากการขึ้นภาษีสินค้าและบริการ (GST) เป็นเวลาอย่างน้อย 5 ปี” ส่วนครอบครัวที่มีรายได้น้อยจะได้รับเงินชดเชยนานกว่านั้น คือประมาณ 10 ปี 

นอกจากเงินช่วยเหลือในโครงการ Assurance Package แล้ว รัฐบาลสิงคโปร์ยังมีเงินช่วยเหลือเพิ่มเติมอีกก้อนในรูปแพคเกจที่เรียกว่า Cost-of-Living (COL) Support Package มูลค่ารวม 1,100 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ สำหรับบรรเทาภาระค่าครองชีพที่สูงขึ้น โดยประกาศใช้เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา

แพคเกจเสริมดังกล่าวนี้ โปะเงินช่วยเหลือเพิ่มเติมให้กับโครงการ Assurance Package อีก 800 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ ทำให้มูลค่าวงเงินแจกแก่ประชาชนผ่านโครงการ Assurance Package สูงขึ้นเป็นกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์

การแจกเงินถึงมือประชาชนจัดทำผ่าน 3 ช่องทาง

สำหรับ รูปแบบการแจกเงินดังกล่าว จะจัดทำผ่านช่องทางต่างๆ 3 ช่อง ดังนี้

  1. ผ่านระบบ PayNow ที่คล้ายกับระบบพร้อมเพย์ของไทย ผู้ที่ลงชื่อเข้าใช้ระบบนี้จะเริ่มแจกได้เร็วสุด คือตั้งแต่วันที่ 5 ธ.ค.2566
  2. ส่วนผู้ไม่มี PayNow สามารถเข้าไปแจ้งข้อมูลบัญชีธนาคารในเว็บไซต์โครงการ Assurance Package เพื่อขอรับเงินผ่านบัญชี  วิธีนี้จะเริ่มรับเงินตั้งแต่ 13 ธ.ค. 2566
  3. และการกดเงินสดจากตู้เอทีเอ็มธนาคาร OCBC ผ่านระบบ GovCash ของรัฐบาลสิงคโปร์ โดยไม่จำเป็นต้องเปิดบัญชีธนาคาร กดได้ตั้งแต่วันที่ 22 ธ.ค.2566

ผู้มีสิทธิ์ทุกคนสามารถเช็คว่าตนเองเข้าข่ายได้รับสิทธิประโยชน์หรือไม่และอย่างไร ได้โดยการเข้าไปตรวจสอบในเว็บไซต์โครงการ Assurance Package ด้วยการล็อกอินผ่านระบบ Singpass ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการยืนยันตัวตนทางอิเล็กทรอนิกส์ที่ดำเนินการโดยรัฐบาลสิงคโปร์

คาดว่า ประชาชนที่จะได้รับประโยชน์จากโครงการนี้ ในกลุ่มที่จะได้รับเงินสดตั้งแต่ 200-600 ดอลลาร์สิงคโปร์ จะมีจำนวนประมาณ 2.9 ล้านคน ส่วนกลุ่มที่ได้เงินสูงสุดไม่เกิน 200 ดอลลาร์สิงคโปร์ จะมีจำนวนราว 2.5 ล้านคน

สำนักข่าวแชนเนลนิวส์เอเชีย (ซีเอ็นเอ)ของสิงคโปร์รายงานว่า นอกจากการแจกเงินผ่านโครงการ Assurance Package ในเดือนธ.ค.นี้แล้ว ชาวสิงคโปร์ที่มีคุณสมบัติเข้าข่าย (อายุ 21 ปีหรือกว่านั้น ในปี 2567) ยังจะได้รับความช่วยเหลือต่อไปอีกในเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ 2567 ในรูปของเงินช่วยเหลือค่าสาธารณูปโภคพื้นฐาน (ไฟฟ้า ประปา) จากโครงการ U-Save rebates ,บัตรกำนัลช่วยค่าใช้จ่ายภายใต้โครงการ Community Development Council (CDC) vouchers, เงินอุดหนุนช่วยเหลือผู้สูงวัย และเงินช่วยเหลือด้านสุขภาพอนามัย เป็นต้น

ข้อมูลอ้างอิง