อัปเดตแผ่นดินไหวโมร็อกโก ผู้เสียชีวิตทะลุ 2,000 ราย! กำแพงเมืองมรดกโลกทรุด

10 ก.ย. 2566 | 05:59 น.
อัปเดตล่าสุด :10 ก.ย. 2566 | 06:28 น.

อัปเดตสถานการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 120 ปีของประเทศโมร็อกโก เหตุเกิดวันที่ 8 ก.ย. ความรุนแรง 6.8 แมกนิจูด จนถึงขณะนี้ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นทะลุ 2,000 ราย ปฏิบัติการกู้ภัย-ช่วยเหลือเหยื่อแผ่นดินไหวยังคงดำเนินต่อไป คาดว่าจะพบผู้เสียชีวิตเพิ่มมากขึ้น

 

สำนักข่าวเอพีรายงาน อัปเดตสถานการณ์แผ่นดินไหวในโมร็อกโก ระดับ 6.8 แมกนิจูด ซึ่งจุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวเป็นพื้นที่หมู่บ้านในหุบเขาและเมืองโบราณที่อาคารบ้านเรือนไม่ได้สร้างเพื่อการต้านทานแผ่นดินไหวจึง เกิดความเสียหายอย่างหนัก หลายชุมชนพบอาคารสร้างจากการก่อหินโบกปูนแบบโบราณทรุดถล่มลงเหลือเพียงกองหินและเศษปูน จนถึงขณะนี้มีรายงาน ผู้เสียชีวิต จากเหตุการณ์ดังกล่าวแล้วมากกว่า 2,000 ราย และคาดว่ายังจะมีเพิ่มขึ้นเมื่อเจ้าหน้าที่กู้ภัยสามารถเข้าถึงจุดเสียหายรุนแรงที่อยู่ห่างไกล

จากข้อมูลของสำนักงานสำรวจทางธรณีวิทยาของสหรัฐ (USGS) ระบุว่า แผ่นดินไหวครั้งนี้มีความรุนแรงถึง 6.8 แมกนิจูดเหตุเกิดเมื่อเวลา 23.11 น.ตามเวลาท้องถิ่นของโมร็อกโกเมื่อวันศุกร์ (22.11 GMT) หรือราว 05.11 น.ตามเวลาประเทศไทยเช้าวันเสาร์ (9 ก.ย.) โดยจุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวเกิดขึ้นที่ระดับความลึก 18.5 กิโลเมตรห่างจากเมืองมาร์ราเกซซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวยอดนิยม ไปทางตะวันตกเฉียงใต้ราว 70 กิโลเมตร

พื้นที่ที่เป็นจุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวครั้งนี้เป็นหมู่บ้านในเขตแนวเขาแอทลาสซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่สูงชัน โดยปกติจะมีสภาพอากาศแห้งแล้ง หลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวครั้งนี้ หลายหมู่บ้านถูกตัดขาดอย่างสิ้นเชิง ไม่มีใช้ทั้งไฟฟ้าและสัญญาณโทรศัพท์มือถือ การค้นหาเหยื่อแผ่นดินไหวภายใต้ซากปรักหักพังเป็นไปด้วยความยากลำบาก

อาคารหลายแห่งสร้างขึ้นมานานแล้วและไม่ได้สร้างเพื่อรองรับกรณีเกิดเหตุแผ่นดินไหว

ที่เมืองมาร์ราเกช ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมและเมืองใหญ่อันดับสี่ของโมร็อกโก ได้รับความเสียหายจากแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงนี้เช่นกัน ประชาชนจำนวนมากยังไม่กล้ากลับเข้าในอาคารบ้านเรือนเนื่องจากกังวลด้านความปลอดภัย มัสยิดคูตูเบีย (Koutoubia Mosque) ซึ่งเป็นมัสยิดที่ใหญ่ที่สุดในมาร์ราเกช ก่อสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 12 (ราวพ.ศ.1158) ได้รับความเสียหายที่ยังไม่สามารถประเมินได้ ขณะที่กำแพงอิฐแดงโบราณเลื่องชื่อที่สร้างล้อมรอบย่านเมดินาของเมืองมาร์ราเกชและเป็นย่านโบราณที่ได้รับการรับรองเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก หลายส่วนพังทลายลงมา

(ภาพข่าว AFP)

กระทรวงมหาดไทยของโมร็อกโกเปิดเผยข้อมูลอัปเดตเมื่อคืนวันเสาร์ (9 ก.ย.) ว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งนี้มีจำนวนอย่างน้อย 2,012 รายแล้ว ส่วนใหญ่อยู่ในเขตเมืองมาร์ราเกชและ 5 จังหวัดใกล้เคียงจุดศูนย์กลางแผ่นดินไหว ส่วนยอดผู้บาดเจ็บอยู่ที่อย่างน้อย 2,059 คน ซึ่งในจำนวนนี้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 1,404 คน   

ไม่มีรายงานคนไทยได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต

ด้านนางกาญจนา ภัทรโชค อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยวานนี้ (9 ก.ย.) ว่า ในชั้นนี้ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงราบัต (เมืองหลวงของโมร็อกโก) รายงานว่า ยังไม่มีคนไทยได้รับผลกระทบจากกรณีแผ่นดินไหวดังกล่าว ซึ่งมีศูนย์กลางอยู่ที่จังหวัด Al-Haouz ห่างจากเมืองมาร์ราเกชไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ประมาณ 80 กิโลเมตร และแรงสั่นสะเทือนรู้สึกได้ในเกือบทุกเมืองในโมร็อกโกและประเทศใกล้เคียง

“นายกรัฐมนตรี และรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้และรับทราบข่าวข้างต้นด้วยความห่วงกังวลเป็นอย่างมาก พร้อมมีข้อความแสดงความเสียใจอย่างจริงใจต่อรัฐบาลโมร็อกโกและครอบครัวของผู้สูญเสีย รวมถึงนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศติดตามสถานการณ์และรายงานความคืบหน้าอย่างใกล้ชิด” โฆษกกระทรวงการต่างประเทศกล่าว และให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ชาวไทยที่อาศัยในพื้นที่ประสบเหตุหรืออยู่ในบริเวณใกล้เคียง และได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในโมร็อกโก สามารถติดต่อสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงราบัต ทางหมายเลขโทรศัพท์ +212 6611 55885 และอีเมล [email protected]

ทั้งนี้ บน เว็บไซต์ของสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงราบัต ได้ออกประกาศแจ้งเตือนกรณีแผ่นดินไหวในโมร็อกโก ระบุว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานว่ามีคนไทยบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหวขนาด 6.8 ในโมร็อกโกซึ่งรุนแรงที่สุดเท่าที่เคยมีมาในโมร็อกโก และแนะนำให้พลเมืองไทยติดตามสถานการณ์ของแผ่นดินไหวดังกล่าวอย่างใกล้ชิด และปฏิบัติตามข้อแนะนำและประกาศของทางการโมร็อกโกอย่างเคร่งครัด