เกาหลีใต้ ฝนถล่มน้ำท่วมหนัก เสียชีวิตอย่างน้อย 35 ราย หญิงไทย 1 ราย

16 ก.ค. 2566 | 20:51 น.
อัปเดตล่าสุด :16 ก.ค. 2566 | 21:40 น.

สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโซล รายงานผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 35 ราย จากเหตุอุทกภัย หญิงชาวไทย 1 ราย ขณะสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโซล โพสต์เตือนเหตุฝนตกหนัก และอุทกภัยในหลายพื้นที่ของเกาหลีใต้

(16 ก.ค. 66) เกาหลีใต้ ในพื้นที่หลายจังหวัด กำลังเผชิญกับ ฝนตกหนัก ซึ่งทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และดินโคลนถล่ม ล่าสุด มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 35 คน และมีผู้เสียชีวิตเป็นหญิงชาวไทย 1 ราย และมีรายงานความเสียหาย พื้นที่การเกษตรถูกน้ำท่วมเกือบ 94,500 ไร่ ถนนถูกสั่งปิด 216 สาย ส่วนรถไฟเริ่มกลับมาให้บริการได้แล้วในบางเส้นทาง

โดยทาง สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโซล (Royal Thai Embassy, Seoul) ออกประกาศแจ้งเตือนกรณีเกิดเหตุการณ์ฝนตกหนักและเกิดอุทกภัยในหลายพื้นที่ในสาธารณรัฐเกาหลี ในปัจจุบันและในอีก 1-2 สัปดาห์ข้างหน้าอาจจะมีฝนตกหนักในหลายพื้นที่ในสาธารณรัฐเกาหลีเป็นเหตุให้มีอุทกภัยในหลายพื้นที่  

ล่าสุด ยอดผู้เสียชีวิต 35 คน และผู้คนต้องอพยพออกจากที่พำนักกว่าพันคน พบว่า มีหญิงไทยเสียชีวิต 1 ราย เนื่องจากน้ำป่าไหลหลากที่บ้านพักในจังหวัดคยองซังเหนือ ซึ่งทางสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโซลได้ติดต่อกับสามีชาวไทยที่พำนักอยู่ด้วยกันในสาธารณรัฐเกาหลี รวมทั้งนายจ้างและตำรวจชาวเกาหลีใต้ เพื่อเตรียมการเรื่องการจัดการศพแล้ว

ขณะที่ สถานเอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงโซล ออกประกาศเตือนคนไทยที่อยู่ในเกาหลีใต้ ผ่านเพจเฟซบุ๊ก สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโซล โดยโพสต์ข้อความแจ้งเตือนกรณีเกิดเหตุฝนตกหนักและอุทกภัยในหลายพื้นที่ของเกาหลีใต้

เกาหลีใต้ ฝนถล่มน้ำท่วมหนัก เสียชีวิตอย่างน้อย 35 ราย หญิงไทย 1 ราย

โดยข้อความบนเฟซบุ๊กของสถานทูตระบุว่า

ด้วยในปัจจุบัน และในอีก 1-2 สัปดาห์ข้างหน้าอาจจะมีฝนตกหนักในหลายพื้นที่ในสาธารณรัฐเกาหลี เป็นเหตุให้มีอุทกภัยในหลายพื้นที่ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโซล ขอแจ้งเตือนให้คนไทยในสาธารณรัฐเกาหลี ระมัดระวังตัวจากเหตุการณ์ดินถล่ม น้ำท่วมฉับพลันในหลายพื้นที่ให้มากขึ้นในระยะนี้
ทั้งนี้ หากคนไทยประสงค์ขอรับความช่วยเหลือจากสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโซล สามารถติดต่อมาที่เบอร์ฉุกเฉินของสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโซล โทร +8210-6747-0095 และ +8210-3099-2955 ได้ตลอดเวลา

ด้านทางการเกาหลีใต้ ยืนยันว่าเหตุน้ำท่วมและดินถล่มที่เกิดขึ้นในหลายเมืองทั่วประเทศ เป็นเหตุทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 35 คน และสูญหายอีก 10 คน ในจำนวนนี้ดังกล่าว มีอย่างน้อย 7 คนเป็นผู้เสียชีวิตที่ถูกเจ้าหน้าที่กู้ภัยนำร่างออกมาจากรถบัสคันหนึ่งซึ่งถูกน้ำท่วมอยู่ในอุโมงค์ใต้ดินในเมืองโอซอง จังหวัดชุงช็องเหนือ

โดยอุโมงค์แห่งนี้มีความยาวทั้งหมด 685 เมตร ถูกมวลน้ำมหาศาลจากแม่น้ำที่อยู่ใกล้เคียงไหลบ่าเข้าไปภายในอย่างรวดเร็ว ทำให้ประชาชนที่อยู่ข้างในอพยพออกมาไม่ทัน เจ้าหน้าที่กู้ภัยคาดว่าตัวเลขของผู้เสียชีวิตอาจเพิ่มสูงขึ้นอีกเนื่องจากมีรถยนต์ของประชาชนติดอยู่ข้างในถึง 15 คัน

รวมทั้งทางการเกาหลีใต้ ระบุว่า ตอนนี้มีประชาชนอย่างน้อย 7,866 คน จาก 13 เมืองและจังหวัดได้รับคำสั่งให้อพยพออกจากบ้านเรือนเพื่อความปลอดภัย

ทั้งนี้ทางการเกาหลีใต้ ยังคงประกาศเตือนฝนตกหนักในหลายจังหวัดทางตอนใต้ของประเทศ เช่น คังวอน, ชุงชอง, ชอลลาใต้, และคยองซังใต้ รวมถึง เกาะเชจู โดยกรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ว่าฝนจะตกหนักไปจนถึงวันพุธ

แรงงานสาวไทย ถูกน้ำป่าดินถล่มเสียชีวิต ที่เกาหลีใต้ ลูกสาว 3 ชีวิตกำพร้าแม่

จากกรณีที่เพจเฟซบุ๊ก "สะใภ้เกาหลีใต้มาดามลี" ได้โพสต์แชร์เหตุการณ์ มีหญิงสาวชาวไทยภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดนครราชสีมาถูกน้ำป่าดินถล่มพัดจนเสียชีวิต 1 ราย หลังพายุถล่มเกาหลีใต้ที่เมืองมุลคย็องชี  

โดยแรงงานหญิงไทยผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้ คือ น.ส.พชรมน อายุ 33 ปี มีภูมิลำเนาอยู่ที่บ้านหนองแคทราย หมู่ที่ 8 ต.ลำเพียก อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา

ผู้สื่อข่าวได้การสอบถามญาติทราบว่า น.ส.พชรมน เดินทางไปทำงานเป็นคนสวน และโกดังผลิตน้ำผลไม้ เพื่อทำไวน์ให้กับนายทุนคนหนึ่งที่เมืองมุคย็องชี กับสามีคือนายสุพิชา อายุ 33 ปี มานานกว่า 4 ปีแล้ว โดยถูกกระแสน้ำป่าพัดจนเสียชีวิต และทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยสามารถเก็บกู้ร่างกลับคืนมาได้แล้ว

ขณะที่ทางนายสุพิชา สามี ยืนยันตัวตนศพเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตอนนี้อยู่ระหว่างการประสานงานตามระเบียบขั้นตอนของทางประเทศเกาหลีใต้ เพื่อที่จะดำเนินการในขั้นตอน

ด้านนางสมพงษ์ อายุ 51 ปี แม่ผู้เสียชีวิต กล่าวทั้งน้ำตาว่า เมื่อได้ยินข่าวว่าลูกสาวเสียชีวิตนั้นตัวเองแทบช็อก ทำใจไม่ได้ โดยลูกสาวถือเป็นเสาหลักของครอบครัว เป็นคนดี กตัญญูรู้คุณ ทำทุกอย่างเพื่อครอบครัว

ซึ่งลูกสาวไปอยู่เกาหลีมาแล้วนานกว่า 4 ปี เก็บเงินส่งเสียทางบ้านจนไถ่ถอนที่ดินของแม่ที่ไปจำนองเอาไว้ 17 ไร่ กลับคืนได้ทั้งหมด และสร้างต่อเติมบ้านเพิ่มขึ้นมาเป็น 3 หลัง

เพื่อให้ครอบครัวทั้งแม่ ลูกสาวของตัวเองที่จำใจต้องทิ้งไปอยู่ต่างแดนอีก 3 คน คนโตอายุ 13 ขวบ คนรองอายุ 10 ขวบ และคนเล็ก อายุ 7 ขวบโดยที่ไม่มีโอกาสได้กอดลูก ได้อยู่สบาย และตั้งใจว่าของทำงานเก็บอีก 2 ปี จะกลับมาตั้งตัวที่บ้านเกิด แต่สุดท้ายก็ต้องมาเสียชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้