UN หวั่นจุดแตกหักสงครามกลางเมืองซูดาน ขยายวงลุกลามทั่วภูมิภาค

02 พ.ค. 2566 | 05:00 น.
อัปเดตล่าสุด :02 พ.ค. 2566 | 06:18 น.

สหประชาชาติหวั่นอาจเกิด "จุดแตกหักด้านมนุษยธรรม" ในสงครามกลางเมืองประเทศซูดาน ที่ซึ่งศพเรียงรายเกลื่อนเมืองหลวง ย่านธุรกิจต่าง ๆ ถูกปล้น

 

แม้ว่ามีความพยายาม ขยายข้อตกลงหยุดยิง ท่ามกลางการอพยพพลเมืองของหลายประเทศออกจาก ซูดาน สหประชาชาติ (ยูเอ็น) เตือนว่าอาจเกิดจุดแตกหักด้านมนุษยธรรมได้ในเร็ววันนี้ จาก สงครามกลางเมืองในซูดาน หรือสาธารณรัฐซูดาน ซึ่งเป็นประเทศขนาดใหญ่ในแอฟริกา

การต่อสู้อย่างดุเดือดซึ่งยังไม่มีทีท่าว่าจะสงบลงง่าย ๆ กำลังก่อให้เกิดหายนะด้านมนุษยธรรม ทำลายสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ ในกรุงคาร์ทูม เมืองหลวงของซูดาน และเสี่ยงที่จะลุกลามไปยังประเทศเพื่อนบ้าน รวมทั้งประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือของแอฟริกาโดยรวม

การสู้รบระหว่างกองทัพบกซูดานกับกองกำลังกึ่งทหารเคลื่อนที่เร็ว อาร์เอสเอฟ (Rapid Support Forces) เริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 15 เมษายนที่ผ่านมา จนถึงขณะนี้ คาดว่ามีผู้เสียชีวิตแล้วหลายร้อยคน และผู้บาดเจ็บอีกหลายพันคน

การต่อสู้อย่างดุเดือดซึ่งยังไม่มีทีท่าว่าจะสงบลงง่าย ๆ กำลังก่อให้เกิดหายนะด้านมนุษยธรรมในซูดาน

นายมาร์ติน กริฟฟิธส์ เจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านมนุษธรรมและความช่วยเหลือฉุกเฉินของยูเอ็น กล่าวว่า มีความหวาดหวั่นว่า สงครามครั้งนี้จะส่งผลกระทบถึงภูมิภาคนี้ทั้งหมด "ขนาดและความรวดเร็วของสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในซูดานเป็นสิ่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อน"

เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (30 เม.ย.) ทั้งสองฝ่ายตกลงขยายข้อตกลงหยุดยิงไปอีก 72 ชั่วโมง แม้ว่าที่ผ่านมาจะมีการละเมิดข้อตกลงนี้มาโดยตลอด ในขณะที่สหประชาชาติกล่าวกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า อาจมีการจัดประชุมที่ซาอุดิอาระเบียเพื่อหารือเกี่ยวกับการเจรจาข้อตกลงสันติภาพในซูดาน

ทั้งนี้ กองทัพบกซูดานเปิดเผยว่า สามารถตัดกำลังของกลุ่มอาร์เอสเอฟลงไปได้ครึ่งหนึ่ง และยับยั้งไม่ให้กลุ่มติดอาวุธดังกล่าวสามารถเสริมกำลังในกรุงคาร์ทูมได้อีก ขณะที่กลุ่มอาร์เอสเอฟเองก็อ้างว่า ฝ่ายตนยังคงครอบครองพื้นที่หลักในกรุงคาร์ทูมซึ่งเป็นเมืองหลวงไว้ได้ และกำลังโจมตีกลับต่อฐานที่มั่นของกองทัพบก แต่รอยเตอร์ยังไม่สามารถยืนยันคำกล่าวอ้างของทั้งสองฝ่ายได้

ทั้งผู้นำกองทัพบกและกองกำลังอาร์เอสเอฟยังคงยืนกรานปฏิเสธที่จะนั่งลงเจรจากันโดยตรง แต่ได้ส่งตัวแทนเข้าสู่การหารือเพื่อจัดทำข้อตกลงหยุดยิง

ขณะเดียวกัน มีรายงานการสู้รบอย่างต่อเนื่องในกรุงคาร์ทูมเมื่อวันจันทร์ ซึ่งมีการโจมตีทางอากาศและการระดมยิงด้วยปืนใหญ่ สามารถมองเห็นควันไฟลอยขึ้นเหนือกรุงคาร์ทูมและเมืองใกล้เคียงหลายจุด

นายโมฮาเหม็ด เอซเซลดิน ชาวกรุงคาร์ทูม กล่าวกับผู้สื่อข่าวรอยเตอร์ว่า "มีศพเรียงรายเกลื่อนไปหมด ย่านธุรกิจต่าง ๆ ถูกปล้น ผู้คนวิ่งแบกทีวีและถุงใส่ของที่ขโมยมาผ่านหน้าเราไป"

มากกว่าสิบประเทศรวมทั้งไทย เร่งอพยพพลเมืองของตนออกมาจากซูดานแล้ว

ชาวซูดานหลายหมื่นคนอพยพจากกรุงคาร์ทูมไปยังเมืองอื่น ๆ และมีผู้อพยพจำนวนมากพยายามข้ามพรมแดนเข้าไปในอียิปต์หรือประเทศชาดเพื่อลี้ภัยสงคราม ทางการอียิปต์แจ้งว่ามีชาวซูดานข้ามพรมแดนเข้าไปแล้วราว 40,000 คน และมีอีกจำนวนมากที่ลี้ภัยไปยังชาด ซูดานใต้ และเอธิโอเปีย หรือขึ้นเรือข้ามทะเลแดงไปยังตะวันออกกลาง

จนถึงขณะนี้ มากกว่าสิบประเทศ ได้นำตัวพลเมืองของตนออกมาจากซูดานแล้ว โดยใช้หลายวิธีด้วยกัน รวมถึงขบวนรถโดยสาร เครื่องบินทหาร เรือของกองทัพเรือ และเจ้าหน้าที่ภาคพื้นดิน รวมทั้งประเทศไทยที่ได้ส่งเครื่องบินไปรับตัวพลเมืองชาวไทยออกจากซูดานเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาโดยปลอดภัย

ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขซูดานรายงานว่า มีผู้เสียชีวิตในสงครามกลางเมืองครั้งนี้แล้วอย่างน้อย 528 คน บาดเจ็บราว 5,000 คน ขณะที่สหประชาชาติเชื่อว่าตัวเลขที่แท้จริงอาจสูงกว่านี้มาก