เด็กแพ้กัญชาในอาหาร ความเสี่ยงที่มากับกัญชาเสรี

05 ก.พ. 2566 | 06:06 น.
อัปเดตล่าสุด :05 ก.พ. 2566 | 08:03 น.

แพทย์ในสหรัฐออกโรงเตือน แนวโน้มเด็กอเมริกันได้กินขนมผสมกัญชาโดยไม่รู้ตัวมีมากขึ้น หลังจากหลายรัฐลงมติให้สามารถใช้กัญชาอย่างถูกกฎหมายในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา

 

รายงานจาก ศูนย์ควบคุมพิษแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา ระบุว่า ในช่วง 5 ปีระหว่างปี ค.ศ. 2017 ถึง 2021 พบว่า มีเด็กอายุต่ำกว่า 6 ปี จำนวนมากกว่า 7,000 รายที่ได้รับการยืนยันว่า รับประทาน อาหารและขนมที่มีส่วนผสมของกัญชา เข้าไป เพิ่มขึ้นจากประมาณปีละ 200 ราย เป็นมากกว่าปีละ 3,000 รายในช่วงเวลาดังกล่าว

งานวิจัยครั้งใหม่ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร Pediatrics นี้ พบว่า หลังรับประทานอาหารและขนมที่มีส่วนผสมของกัญชาเข้าไป เด็กเกือบ 1 ใน 4 คนมีอาการถึงขนาดต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล และบางคนยังมีอาการป่วยหนักอีกด้วย

แพทย์หญิง มาริต ทวีต นักพิษวิทยาด้านการแพทย์ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสารพิษจาก Southern Illinois School of Medicine และเป็นหัวหน้าในการศึกษาครั้งนี้ เปิดเผยว่า กรณีที่เด็กรับประทานผลิตภัณฑ์ที่ทำจากกัญชาซึ่งรวมไปถึงขนมหวานโดยไม่ตั้งใจ (accidental consumption) นั้น กำลังเกิดขึ้นในอัตราที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากหลายรัฐสามารถใช้กัญชาในทางการแพทย์และสันทนาการได้อย่างถูกกฎหมาย ยกตัวอย่างรัฐแมสซาชูเสตส์และโคโรลาโด ซึ่งเป็นรัฐแรกๆที่ออกกฎหมายรับรองกัญชาเสรีเพื่อการสันทนาการ

บรรจุภัณฑ์เหมือนขนมทั่วไป ก็ยิ่งดึงดูดใจเด็กๆ

เมื่อผู้ใหญ่ชื่นชอบ ก็ต้องเพิ่มความรอบคอบ

การสำรวจล่าสุดของบริษัทวิจัยกัลลัป (Gallup survey) พบว่าปัจจุบัน ประชากรที่เป็นผู้ใหญ่ส่วนใหญ่ในสหรัฐอเมริกาเห็นด้วยกับการทำให้กัญชาเป็นสิ่งถูกกฎหมาย ความเห็นในเชิงสนับสนุนกัญชาเสรีนั้นขยับสูงขึ้นทุกปี จนขณะนี้เสียงสนับสนุนกัญชาเสรีอยู่ที่ระดับ 68%

นับตั้งแต่เดือนพ.ย.2022 เป็นต้นมา หรือหลังจากที่รัฐแมรี่แลนด์และมิสซูรีมีการลงมติสนับสนุนกัญชาเสรี จำนวนรัฐในสหรัฐอเมริกาที่รับรองการใช้กัญชาเพื่อสันทนาการเป็นสิ่งถูกกฎหมาย ก็เพิ่มขึ้นเป็น 21 รัฐ

เรียกร้อง“ล้อมคอก” การเข้าถึงกัญชาของเด็กๆ  

แพทย์หญิงทวีตได้เรียกร้องให้บรรดาผู้ปกครองเพิ่มความระมัดระวัง และยังเรียกร้องให้มีการออกกฎหมายใหม่เพื่อทำให้ผลิตภัณฑ์จากกัญชามีความน่าดึงดูดใจน้อยลงสำหรับเด็ก ๆ

 

ผลิตภัณฑ์จากกัญชามักอยู่ในรูปของลูกอมและขนมที่มีสีสันสดใส

ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์จากกัญชามักอยู่ในรูปของลูกอมและขนม ที่มาในรูปลักษณ์และบรรจุภัณฑ์สีสันสดใส ในตอนนี้มีอย่างน้อยสองรัฐ คือโคโลราโดและวอชิงตัน ที่ใช้กฎหมายในเชิงป้องกันแล้ว ยกตัวอย่างที่รัฐโคโลราโด มีการออกกฎหมายห้ามการออกแบบอาหารหรือขนมที่ผสมกัญชาเป็นรูปผลไม้ รูปสัตว์ หรือรูปคน ที่ดึงดูดใจเด็กๆ

“เมื่อผลิตภัณฑ์จากกัญชาอยู่ในรูปของลูกอมหรือคุกกี้ ผู้คนมักจะไม่คิดว่ามันเหมือนกับสารเคมีในครัวเรือนหรือสิ่งอื่น ๆ ที่เด็กๆ สามารถเข้าไปหยิบจับได้” คุณหมอกล่าว แต่นั่นก็นำความเสี่ยงมาด้วย     

อาการหายใจลำบาก-โคม่า อาจเกิดขึ้นได้

แพทย์หญิงทวีตและผู้ร่วมวิจัยของเธอตรวจสอบรายงานจากระบบข้อมูลสารพิษแห่งชาติ ซึ่งเป็นข้อมูลจากศูนย์ควบคุมสารพิษ 55 แห่งทั่วประเทศ การศึกษาแสดงให้เห็นว่า เด็กที่ได้รับผลกระทบมากกว่าครึ่งมีอายุระหว่าง 2-3 ขวบ โดยมากกว่า 90% ของเด็กเหล่านี้ รับประทานผลิตภัณฑ์อาหารผสมกัญชาขณะอยู่ในบ้านของตัวเอง

จากรายงานมากกว่า 7,000 ฉบับ นักวิจัยสามารถติดตามผลได้เกือบ 5,000 กรณี พบว่า

  • เด็กเกือบ 600 คน หรือราว 8% เข้ารับการรักษาในสถานพยาบาล โดยส่วนใหญ่มักมีอาการหายใจลำบากหรือกระทั่งมีอาการโคม่า
  • นอกจากนี้ ยังมีเด็กเกือบ 15% เข้ารับการรักษาในหน่วยดูแลผู้ป่วยที่ไม่ได้มีอาการสาหัส แต่กว่าหนึ่งในสามต้องเข้ารับการรักษาในห้องฉุกเฉิน โดยมีอาการเหนื่อยง่าย หายใจลำบาก หัวใจเต้นเร็ว และอาเจียนซึ่งเป็นอาการที่พบบ่อยที่สุด

นายแพทย์ไบรอัน ชูลท์ซ แพทย์ฉุกเฉินที่ทำงานกับเด็ก ๆ ที่ศูนย์การแพทย์ มหาวิทยาลัยจอนส์ ฮอพกินส์ ในเมืองบัลติมอร์ กล่าวว่า เขาเคยทำงานที่โรงพยาบาลเด็ก Children’s National Hospital ในกรุงวอชิงตัน และต้องรักษาเด็กที่กินอาหารที่ผสมกัญชาเข้าไป “เกือบทุกวัน”

แพทย์หญิงทวีตกล่าวทิ้งท้ายว่า การที่มีรายงานและมีอัตราการรักษาตัวในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้นในช่วงสองปีหลังสุดของการศึกษาในระหว่างการแพร่ระบาดของโควิด-19 นั้น เนื่องจากเด็ก ๆ ต้องเรียนทางออนไลน์และอยู่ที่บ้านกันมากขึ้น จึงมีโอกาสมากขึ้นที่จะหยิบจับผลิตภัณฑ์อาหารที่ทำมาจากกัญชาเข้าปาก

นอกจากนี้ การที่กัญชากลายเป็นสิ่งที่ถูกกฎหมายอย่างกว้างขวางมากขึ้น อาจทำให้ผู้ปกครองกล้าที่จะไปขอความช่วยเหลือจากศูนย์พิษวิทยาและผู้ให้บริการด้านสุขภาพอื่นๆ มากขึ้นด้วย