นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธาน ธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด กล่าวบนเวทีของสถาบันคลังสมอง Brookings Institution ในกรุงวอชิงตัน เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (30 พ.ย.) ว่า เฟดอาจ ชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ย ในการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของเฟดช่วงกลางเดือนธ.ค.นี้ การส่งสัญญาณดังกล่าวทำให้ดัชนีหุ้นในสหรัฐ ปรับตัวขึ้นทั่วหน้าเมื่อปิดตลาด
เรามาดูกันว่า เขายังกล่าวหรือส่งสัญญานอะไรเกี่ยวกับเศรษฐกิจของสหรัฐอีกบ้าง
- ถึงเวลาแล้วที่ต้องชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในขณะที่เรากำลังเข้าใกล้ระดับที่เพียงพอกับการทำให้อัตราเงินเฟ้อลดลงแล้ว โดยการชะลอการขึ้นดอกเบี้ยอาจเกิดขึ้นอย่างเร็วในการประชุมเดือนธันวาคมนี้
- การต่อสู้กับเงินเฟ้อยังคงไม่จบลงเร็ว ๆ นี้ และยังคงไม่สามารถตอบได้ว่า ในที่สุดแล้วอัตราดอกเบี้ยจะต้องสูงแค่ไหนและนานเท่าไร ทั้งนี้ อาจจะอยู่ที่ระดับสูงกว่า 4.6% ซึ่งเป็นระดับที่สมาชิกรัฐสภาสหรัฐได้คาดการณ์ไว้เมื่อเดือนก.ย.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ จากคำกล่าวของพาวเวลล์บนเวที Brookings Institution ทำให้นักวิเคราะห์เชื่อว่า
- ธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด อาจขึ้นดอกเบี้ยเพียง 0.5% ในการประชุมวันที่ 13-14 ธ.ค.นี้
- นั่นก็จะทำให้ระดับอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐ ณ สิ้นปีนี้ ขยับขึ้นไปอยู่ที่ 4.25 - 4.5% จากระดับเกือบ 0% เมื่อเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา
- หลังจากนี้ คาดว่าเฟดอาจเริ่มลดอัตราดอกเบี้ยลงในปีหน้า (2566) เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
ไทม์ไลน์การปรับอัตราดอกเบี้ยของเฟดตลอดปี 2565
- วันที่ 25-26 ม.ค. คงดอกเบี้ยที่ระดับ 0.00-0.25%
- วันที่ 15-16 มี.ค. ขึ้นดอกเบี้ย 0.25% สู่ 0.25-0.50%
- วันที่ 3-4 พ.ค. ขึ้นดอกเบี้ย 0.50% สู่ 0.75-1.00%
- วันที่ 14-15 มิ.ย. ขึ้นดอกเบี้ย 0.75% สู่ 1.50-1.75%
- วันที่ 26-27 ก.ค. ขึ้นดอกเบี้ย 0.75% สู่ 2.25-2.50%
- วันที่ 20-21 ก.ย. ขึ้นดอกเบี้ย 0.75% สู่ 3.00-3.25%
- วันที่ 1-2 พ.ย. ขึ้นดอกเบี้ย 0.75% สู่ 3.75-4.00%
- วันที่ 13-14 ธ.ค. (คาดขึ้นดอกเบี้ย 0.50% สู่ 4.25-4.50%)