มีอะไรใน ‘แผนพลิกโฉมฮ่องกง’ ทวงบัลลังก์ฮับการเงินอันดับ 1 ของเอเชีย

20 ต.ค. 2565 | 08:45 น.
อัปเดตล่าสุด :20 ต.ค. 2565 | 16:17 น.

หลัง ‘ฮ่องกง’ ประกาศแผนพลิกโฉมครั้งใหญ่หวังทวงบัลลังก์ฮับการเงินอันดับ 1 ของเอเชียจากสิงคโปร์ เรามาดูกันว่าในแผนยุทธศาสตร์ที่ประกาศโดยนายจอห์น ลี ผู้ว่าการเกาะฮ่องกง เมื่อวันพุธ (19 ต.ค.) นั้น มีอะไรน่าสนใจบ้าง

 

รัฐบาลฮ่องกง ได้ประกาศ แผนยุทธศาสตร์ เพื่อสร้างความแข็งแกร่งต่อ บทบาทของฮ่องกง ในฐานะ ศูนย์กลางทางการเงินระหว่างประเทศ หลังจากที่ถูกสิงคโปร์แซงหน้าขึ้นมาเป็นศูนย์กลางทางการเงินอันดับ 1 ของเอเชีย

 

นายจอห์น ลี ผู้ว่าการเขตปกครองพิเศษฮ่องกง ประกาศรายละเอียดเบื้องต้นของแผนการต่างๆ เมื่อวันพุธ (19 ต.ค.) ซึ่งเป็นการแถลงนโยบายของเขาเป็นครั้งแรก เป้าหมายหนึ่งในนั้นคือเพื่อดึงดูดบริษัทชั้นนำระดับโลกอย่างน้อย 200 แห่งเข้ามาตั้งสำนักงานหรือขยายการดำเนินงานในฮ่องกงภายในปี 2568

 

ดึงดูดต่างชาติ-ส่งเสริมจดทะเบียนหลักทรัพย์เข้าตลาด

จากรายงานข่าวของหนังสือพิมพ์เซาท์ ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์ สื่อใหญ่ของฮ่องกงพบว่า บริษัทที่เป็นเป้าหมายของรัฐบาลฮ่องกง เป็นบริษัทเอกชนที่จัดตั้งขึ้นเพื่อบริหารสินทรัพย์ของนักธุรกิจที่มั่งคั่ง โดยหน่วยงาน InvestHK ซึ่งเป็นหน่วยงานส่งเสริมการลงทุนของฮ่องกง ได้ผลักดันการจัดตั้งบริษัทดังกล่าวแล้วจำนวน 14 แห่งในฮ่องกงในปีที่ผ่านมา (2564) และมีแนวโน้มจะจัดตั้งเพิ่มขึ้นอีก 50 แห่งในอนาคต

ฮ่องกงประกาศแผนทวงบัลลังก์ฮับการเงินอันดับ 1 ของเอเชียคืนจากสิงคโปร์

 

นอกจากนี้ นายลียังได้ประกาศมาตรการส่งเสริมการจดทะเบียนหลักทรัพย์ในตลาด และโครงการสนับสนุนทางการเงินสำหรับธุรกิจที่อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม พร้อมกันนี้ ยังได้ให้คำมั่นที่จะทำการขยายแพลตฟอร์มการซื้อขายข้ามพรมแดนกับจีน และส่งเสริมการใช้สกุลเงินหยวนในการทำธุรกรรมในฮ่องกง โดยฮ่องกงจะทำการแก้ไขกฎหมายเพื่อให้มีการยกเว้นการเก็บอากรแสตมป์สำหรับบริษัทที่สร้างสภาพคล่องในตลาดเพื่อสนับสนุนการซื้อขายหลักทรัพย์ในสกุลเงินหยวนผ่านระบบ Stock Connect ในปีหน้า (2566)

 

โครงการ Top Talent Pass

อีกแผนการที่มีการกล่าวถึงกันมาก คือการประกาศโครงการ Top Talent Pass เพื่อจูงใจบุคลากรที่มีความสามารถให้เข้ามาทำงานในฮ่องกง หลังจากที่ฮ่องกงเกิดภาวะสมองไหลอย่างรุนแรงนับตั้งแต่โควิด-19 เริ่มแพร่ระบาด โดยในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา จำนวนแรงงานในฮ่องกงหายไปราว 140,000 คน ดังนั้น ฮ่องกงจะให้การสนับสนุนอย่างจริงจังในการรักษาบุคลากรที่มีความสามารถ รวมทั้งจะดึงดูดผู้ที่มีความสามารถจากทั่วโลกเข้าสู่ฮ่องกง

 

รายละเอียดในเบื้องต้นระบุว่า:

  • ผู้ที่มีเงินเดือนต่อปีตั้งแต่ 318,000 ดอลลาร์ขึ้นไป และสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยระดับ Top 100 ของโลก และมีประสบการณ์ในการทำงาน 3 ปีในช่วงเวลา 5 ปีที่ผ่านมา จะได้รับสิทธิให้พำนักในฮ่องกงได้เป็นเวลา 2 ปี เพื่อมองหาโอกาสการทำงานในฮ่องกง
  • ส่วนชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าฮ่องกงภายใต้โครงการ Top Talent Pass จะสามารถซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัย และสามารถยื่นขอสิทธิเป็นผู้อยู่อาศัยถาวรของฮ่องกง และขอคืนค่าอากรแสตมป์ที่อยู่อาศัยสำหรับการซื้ออสังหาริมทรัพย์ครั้งแรก

 

เสียงสะท้อนตอบรับแผนการของรัฐบาลฮ่องกงในการพลิกฟื้นสถานะศูนย์กลางทางการเงินของภูมิภาคเอเชียและเป็นการทวงคืนบัลลังก์จากสิงคโปร์ นับว่าเป็นไปในทิศทางที่ดี โดยนายลอเรนซ์ ลี หลู่-เจิน ประธานสภาพัฒนาบริการด้านการเงิน (FSDC) ของฮ่องกงกล่าวว่า ข้อเสนอในการยกเว้นภาษีของรัฐบาลฮ่องกงจะช่วยเพิ่มความน่าดึงดูดของฮ่องกงในการเป็นศูนย์กลางทางการเงิน

 

"เราเป็นตลาดการเงินระหว่างประเทศที่มีสภาพคล่องและทันสมัยที่สุดในภูมิภาค และฮ่องกงยังคงมีสิ่งจูงใจมากมายในการดึงดูดบุคลากรที่มีคุณภาพสูง" นายลอเรนซ์กล่าว