ผู้นำยูเครนลั่นพร้อมเจรจาปูตินเรื่อง "สถานะความเป็นกลาง"

28 มี.ค. 2565 | 12:35 น.
อัปเดตล่าสุด :28 มี.ค. 2565 | 19:42 น.

“เซเลนสกี” ผู้นำยูเครนพร้อมหารือปธน.ปูติน ผู้นำรัสเซียเรื่อง “การคงสถานะเป็นกลาง” ของยูเครน โดยยื่นเงื่อนไขต้องได้รับหลักประกันว่ายูเครนจะต้องปลอดภัยหลังเป็นกลาง

ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำ ยูเครน เปิดใจให้สัมภาษณ์สื่อรัสเซีย เป็นคลิปวิดีโอความยาว 90 นาที โดยเขาให้สัมภาษณ์เป็นภาษารัสเซีย เพื่อสื่อสารโดยตรงไปยังรัฐบาลรัสเซีย และประชาชนชาวรัสเซียว่า เขาพร้อมแล้วสำหรับ การเจรจาสันติภาพ

 

เซเลนสกีกล่าวว่า ยูเครนพร้อมที่จะหารือเกี่ยวกับการคงสถานะเป็นกลาง (Neutrality) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงสันติภาพกับรัสเซีย แต่การเคลื่อนไหวดังกล่าวจะต้องได้รับการค้ำประกันโดยบุคคลที่สาม และต้องดำเนินการลงประชามติก่อน

ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน

ทั้งนี้ สถานะเป็นกลาง คือ สถานะทางกฎหมายที่บ่งบอกว่ารัฐหรือประเทศใดประเทศหนึ่งจะไม่เข้าไปมีส่วนร่วมกับสงครามของรัฐอื่น หรือสงครามใด ๆ ก็ตามที่จะขึ้นในอนาคต และอาจรวมถึงการไม่เข้าร่วมกับกลุ่มพันธมิตรใด ๆ ด้วย

หลักการนี้ยังไม่มีเกณฑ์เฉพาะเจาะจงในการพิจารณาว่ารัฐใดเป็นกลาง ส่วนใหญ่แล้วจะอาศัยพิจารณาจากสนธิสัญญา รัฐธรรมนูญ หรือคำประกาศที่ประเทศนั้น ๆ ได้ทำหรือประกาศไว้

 

ปัจจุบัน ทั่วโลกมีประมาณ 21 ประเทศ ที่ประกาศว่าประเทศของตนเองเป็นกลาง เช่น สวิตเซอร์แลนด์ ฟินแลนด์ สวีเดน ไอร์แลนด์ ออสเตรีย มอลตา วาติกัน และสิงคโปร์ เป็นต้น

 

ก่อนหน้านี้ ผู้นำยูเครนบอกปัดที่จะคงสถานะความเป็นกลาง เนื่องจากไม่มีหลักประกันด้านความมั่นคงที่เป็นสนธิสัญญาที่ระบุว่า ยูเครนจะไม่ถูกรังแกหรือถูกรุกรานในวันที่ดำรงความเป็นกลาง

 

“การรับประกันความปลอดภัยให้เรา สถานะความเป็นกลาง สถานะที่ไม่ใช่รัฐนิวเคลียร์ เราพร้อมที่จะเจรจาเรื่องนี้ นี่เป็นประเด็นที่สำคัญที่สุด” เซเลนสกีย้ำ เขายังบอกว่า การรุกรานของรัสเซียทำให้เกิดการทำลายล้างเมืองต่าง ๆ และความเสียหายนั้นเลวร้ายยิ่งกว่าสงครามรัสเซียในเชชเนีย ยูเครนกำลังหารือเกี่ยวการเจรจากับรัสเซีย แต่ปฏิเสธที่จะเจรจาเกี่ยวกับข้อเรียกร้องอื่น ๆ ของรัสเซีย เช่น การทำให้ยูเครนเป็นเขตปลอดทหาร

ข้อตกลงสันติภาพจะเป็นไปไม่ได้หากไม่มีการหยุดยิงและการถอนทหารออกจากยูเครน” เซเลนสกีกล่าว และว่า ยูเครนอาจจะไม่พยายามช่วงชิงดินแดนที่รัสเซียยึดไปคืนมา เพราะกลัวว่าจะนำไปสู่สงครามโลกครั้งที่ 3 นอกจากนี้ เขายังต้องการให้มีการ “ประนีประนอม” ในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับภูมิภาคดอนบาสทางยูเครนตะวันออก ซึ่งขณะนี้ตกอยู่ใต้การยึดครองของฝ่ายฝักใฝ่รัสเซีย

 

ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครนยังเปิดเผยว่า ยูเครนพร้อมที่จะแลกเปลี่ยนนักโทษกับรัสเซียก่อนสิ้นสุดการสู้รบ  โดยเขากล่าวกับสื่อรัสเซียว่า "ผมเชื่อว่า เราจะตกลงเรื่องการแลกเปลี่ยนนักโทษระหว่างกันได้ ตามจำนวนของแต่ละฝ่าย" พร้อมทั้งเสริมว่า ยูเครนต้องการมอบร่างของทหารรัสเซียให้แก่ญาติของพวกเขาด้วย

 

ทั้งนี้ เมื่อวันพฤหัสบดี (24 มี.ค.) นางอิรินา เวเรชชุก รองนายกรัฐมนตรียูเครนระบุว่า ยูเครนและรัสเซียได้ดำเนินการแลกเปลี่ยนนักโทษครั้งแรกนับตั้งแต่ความขัดแย้งเปิดฉากขึ้น ขณะเดียวกัน ชาวยูเครน 10 รายที่ถูกกองทัพรัสเซียจับกุมไว้ได้รับการปล่อยตัว เพื่อแลกกับทหารรัสเซีย 10 นายที่ถูกกองทหารยูเครนคุมตัวเช่นกัน

 

นอกจากนี้ ยูเครนยังได้ส่งตัวลูกเรือชาวรัสเซีย 11 รายให้แก่รัสเซีย ซึ่งได้รับความช่วยเหลือจากเหตุเรือที่จมใกล้กับเมืองโอเดสซา โดยแลกกับการส่งตัวลูกเรือชาวยูเครน 19 ราย

 

อย่างไรก็ตาม ภายหลังการให้สัมภาษณ์สื่อรัสเซียของนายเซเลนสกี ผู้นำยูเครน ทางหน่วยงานเฝ้าระวังสื่อของรัสเซีย ที่เรียกว่า รอสคอมนัดซอร์ (Roskomnadzor) ได้ประกาศห้ามไม่ให้สื่อรัสเซียเผยแพร่บทสัมภาษณ์ดังกล่าว และจะตรวจสอบสื่อทุกรายที่เผยแพร่บทสัมภาษณ์นี้

 

นายเดวิด อาราคาเมีย หัวหน้าพรรค Servant of the People ซึ่งเป็นพรรครัฐบาล และตัวแทนเจรจาฝั่งยูเครน เปิดเผยว่า การเจรจาครั้งต่อไประหว่างยูเครนและรัสเซียจะมีขึ้นในประเทศตุรกีในวันที่ 28-30 มี.ค. นี้