“ติละวา” เมียนมา เนื้อหอม ไทย-เทศ แห่ปักฐานแล้วกว่า 7 หมื่นล้าน

26 ก.พ. 2565 | 11:09 น.
อัปเดตล่าสุด :26 ก.พ. 2565 | 18:25 น.

เขตเศรษฐกิจพิเศษติละวาของเมียนมายังเนื้อหอม ภายใต้รัฐประหาร ต่างชาติแห่ปักฐานลงทุนแล้วกว่า 7 หมื่นล้านบาท รวมกว่า 100 โรงงาน 40% เน้นผลิตเพื่อส่งออก ขณะไทยยังรั้งอันดับ 3 ลงทุนในเมียนมาสูงสุด

 

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (สคต. / ทูตพาณิชย์ณ กรุงย่างกุ้ง สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา รายงานว่า จากข้อมูลของหน่วยงาน Directorate of Investment and Company Administration (DICA) ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับ ดูแลด้านการลงทุนและการจัดตั้งบริษัทของเมียนมา ระบุว่า มีบริษัทต่างชาติจำนวน 112 บริษัทจาก 18 ประเทศได้ลงทุนกว่า 2.15 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 70,950 ล้านบาท คำนวณที่ 33 บาทต่อดอลลาร์) ในเขตเศรษฐกิจพิเศษติละวาภายใต้กฎหมายเขตเศรษฐกิจพิเศษ ตั้งแต่ได้มีการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษนี้จนถึงเดือนธันวาคม 2564

 

“ติละวา” เมียนมา เนื้อหอม ไทย-เทศ แห่ปักฐานแล้วกว่า 7 หมื่นล้าน

 

ปัจจุบันมีโรงงานประมาณ 102 แห่งที่เปิดดำเนินการในเขตเศรษฐกิจพิเศษติละวา (Thilawa SEZ) และมีการจ้างแรงงานมากกว่า 12,000 คน ประกอบด้วย พนักงานประจำและคนงานก่อสร้างเป็นส่วนใหญ่ ธุรกิจส่วนใหญ่ดำเนินการอยู่ในเขตติละวาโซน A ส่วนในโซน B  ขณะนี้การพัฒนาอยู่ระหว่างดำเนินการ

 

“ติละวา” เมียนมา เนื้อหอม ไทย-เทศ แห่ปักฐานแล้วกว่า 7 หมื่นล้าน

 

ณ ปัจจุบันเมียนมามีการดำเนินการการเขตเศรษฐกิจพิเศษ 3 แห่ง คือ เขตเศรษฐกิจพิเศษติละวา เขตเศรษฐกิจพิเศษเจ้าผิว และเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย โดยเขตเศรษฐกิจพิเศษติละวาเป็นผู้นำในด้านโครงสร้างพื้นฐานที่ประสบความสำเร็จที่สุด

 

ขณะที่บริษัท Myanmar Thilawa SEZ Holdings Public Ltd. เผยว่า ธุรกิจมากกว่าร้อยละ 60 ในเขตเศรษฐกิจพิเศษติละวาเป็นผู้ประกอบการด้านการผลิตที่มุ่งเน้นตลาดในประเทศ ขณะที่ร้อยละ 40 เป็นผู้ผลิตที่เน้นการส่งออก

 

สำหรับในเขตเศรษฐกิจพิเศษประกอบไปด้วย โซนปลอดภาษี โซนโปรโมชั่นพิเศษ และโซนอื่น ๆ ซึ่งบริษัทที่ส่งออกอย่างน้อยร้อยละ 75 ของมูลค่าการผลิตจะได้จดทะเบียนเป็นนักลงทุนในเขตปลอดภาษีและได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีเงินได้เป็นเวลา 7 ปีนับแต่เวลาที่เริ่มดำเนินการ บริษัทต่าง ๆ อาทิ  บริษัทโลจิสติกส์ที่สนับสนุนธุรกิจการผลิตเพื่อการส่งออกสามารถจดทะเบียนเป็นบริษัทในเขตปลอดภาษีในส่วนของบริษัทการผลิตที่มุ่งเน้นตลาด ภายในประเทศจะอยู่ในโซนโปรโมชั่นพิเศษ และถูกจัดเก็บอัตราภาษีเงินได้ในอัตราพิเศษเป็นระยะเวลา 5 ปี

 

โดยโซนโปรโมชั่นพิเศษส่วนใหญ่เป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับตลาดภายในประเทศและภายในเขตเศรษฐกิจพิเศษในเขตนี้ จะเป็นการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับการผลิต ที่พักอาศัย ห้างสรรพสินค้า ธนาคาร การประกันภัย โรงเรียน โรงพยาบาล และสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ

 

ล่าสุดในการประชุมคณะทำงานส่วนกลางสำหรับเขตเศรษฐกิจพิเศษเมียนมา เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2565 ได้ มุ่งเน้นการพัฒนาของเขตเศรษฐกิจพิเศษทั้ง 3 แห่ง เพื่อให้สอดคล้องกับกฎระเบียบระหว่างประเทศซึ่งเกี่ยวข้องกับสัญญา และการดำเนินการของเขตเศรษฐกิจพิเศษเจ้าผิวที่สามารถสร้างโอกาสในการทำงานและช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจของภาครัฐ

 

ขณะที่ภาคการผลิตเป็นสัดส่วนที่ใหญ่ที่สุดของการลงทุนจากต่างประเทศ และยังมีการลงทุนในด้านการค้า การบริการอื่น ๆ โลจิสติกส์โรงแรม และการท่องเที่ยว และอสังหาริมทรัพย์อีกด้วย

 

“ติละวา” เมียนมา เนื้อหอม ไทย-เทศ แห่ปักฐานแล้วกว่า 7 หมื่นล้าน

 

ทั้งนี้ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีนักลงทุนมากที่สุดในเมียนมาคิดเป็นสัดส่วนกว่าร้อยละ 33 ของการลงทุนทั้งหมดจากต่างประเทศ ตามด้วยสิงคโปร์ และไทย ส่วนการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ในเขตเศรษฐกิจพิเศษยังมาจากเกาหลีใต้ ฮ่องกง สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์(ยูเออี) มาเลเซีย ออสเตรีย ไต้หวัน เดนมาร์ก บรูไนดารุสซาลาม เวียดนาม ฝรั่งเศส สวิตเซอร์แลนด์ และเนเธอร์แลนด์