รู้จัก 4 ยอดนักกีฬาไทยใน “โอลิมปิกฤดูหนาว 2022”

ใน การแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาว 2022 ครั้งนี้ นักกีฬาทีมชาติไทย จำนวน 4 คนจะลงแข่งขันใน 2 ชนิดกีฬา คือ สกีครอสคันทรี และ สกีอัลไพน์ เรามาทำความรู้จักพวกเขาทั้ง 4 คน ประกอบด้วย มรรค จันเหลือง ลงแข่งสกี ประเภทสกีครอสคันทรีชาย, คาเรน จันเหลือง ประเภทสกีครอสคันทรีหญิง, นิโคลา ซานอน ประเภทสกีอัลไพน์ชาย และ มิดา "ฟ้า" ใจมั่น ประเภทสกีอัลไพน์หญิง

 

นักกีฬาไทยคนแรกที่จะลงแข่งขันคือ มิดา ชื่อเล่น "ฟ้า" ใจมั่น (Mida Fah Jaiman) เกิดเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2545 ปัจจุบันอายุ 19 ปี และเป็นนักกีฬาอายุน้อยที่สุดในทีมชาติไทยปีนี้

 

น้องฟ้าเป็นลูกครึ่งไทย-สวิส เริ่มฝึกหัดการเล่นสกีตั้งแต่ยังเด็กวัยเพียง 4 ขวบ เรียกว่าหัดเล่นสกีไปพร้อมๆกับการหัดเดิน เธอเริ่มแข่งขันจากรุ่นเยาวชนในทีมสกีท้องถิ่นของสวิตเซอร์แลนด์ และตระเวนแข่งไปทั่วยุโรปมาจนถึงปัจจุบัน

ความถนัดของการแข่งประเภทสลาลอม  (Slalom :SL) ทำให้ฟ้า มีคะแนน FIS ที่ดีที่สุดที่เคยมีมาของนักกีฬาไทย ในเวลาเดียวกันความสามารถของฟ้าในด้านไจแอนท์ สลาลอม (Giant Slalom :GS) ก็ดีไม่แพ้กัน ทำให้ฟ้าเป็นนักกีฬาที่มีฝีมือดีและเป็นมือวางอันดับ 1 เพศหญิงของประเทศไทยสำหรับกีฬาประเภทนี้

 

เป้าหมายในชีวิตของฟ้าคือการเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก และเป็นนักกีฬาอาชีพที่ยอดเยี่ยมที่สุดเท่าที่เธอจะทำได้ สาวน้อยคนนี้มีงานอดิเรกยามว่าง คือ การถ่ายรูป การเดินทาง และท่องเที่ยวภูเขา แรกเริ่มเดิมทีเธอตั้งใจฝึกฝนเพื่อจะเข้าแข่งขันระดับโลกในนามทีมชาติสวิส แต่ก็มามีจุดเปลี่ยนความคิดเมื่อได้พบกับ “นิโคลา ซานอน” ในปี 2564 ซึ่งตอนนั้นนิโคลาเป็นนักสกีทีมชาติไทย ทั้งคู่เป็นลูกครึ่งไทยเหมือนกัน

 

เธอเปลี่ยนใจหันมาลงแข่งขันในนามทีมชาติไทย และจะได้แสดงฝีมือให้พวกเราเห็นกันในการแข่งขันประเภทอัลไพน์ สกีหญิง ไจแอนท์ สลาลอม วันที่ 7 ก.พ.นี้ รอบ 1 เวลา 09.15-11.00 น. และสลาลอม วันที่ 9 ก.พ. รอบ 1 เวลา 09.15-11.00 น., รอบ 2 เวลา 12.45-14.40 น. โดยตั้งเป้าหมายติดอันดับ 1 ใน 40 สำหรับการเข้าร่วมการแข่งขันเป็นครั้งแรก

คนต่อมา นิโคลา สุเทพ ซานอน (Nicola Zanon) หรือ “นิกกี้” เป็นลูกครึ่งไทย-อิตาเลียน ปัจจุบันอายุ 26 ปี เขาเกิดปี พ.ศ. 2539 ที่จังหวัดแพร่ แต่ไปเติบโตและฝึกฝนสกีที่ประเทศอิตาลี

 

นิโคลาชอบเล่นกีฬาความเร็วตั้งแต่เด็ก เริ่มเล่นสกีมาตั้งแต่อายุ 8  ปี ถึงอายุ 16 ปี โดยได้แรงบันดาลใจมาจากเฟอร์นานโด อาลองโซ (Fernando Alonso) ซึ่งเป็นนักแข่งรถสูตร 1 หรือ Formula one

 

นิโคลาเดินทางกลับไทยเป็นระยะๆ และทุกครั้งที่กลับมาก็ต้องหาส้มตำ ต้มยำกุ้ง และทุเรียนกินให้ได้ เพราะเป็นอาหารไทยที่ชื่นชอบเป็นอย่างมาก นิโคลาเข้าร่วมทีมชาติไทยครั้งแรกในปี 2018 (พ.ศ.2561) และเข้าแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาว 2018 ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองพยองซัง ประเทศเกาหลีใต้ ในนามทีมชาติไทย

 

หนุ่มหน้ามนลูกครึ่งไทย-อิตาเลียนคนนี้ จะลงแข่งประเภทอัลไพน์ สกีชาย ไจแอนท์ สลาลอม ในวันที่ 16 ก.พ. รอบ 1 เวลา 09.15-11.15 น. โดยตั้งเป้าหมายทำผลงานให้ดีที่สุด หลังจากผลงานครั้งที่ผ่านมาไม่จบการแข่งขัน (ทั้งนี้ เป็นการตั้งเป้าหมายของทางฝ่ายพัฒนากีฬาเป็นเลิศ การกีฬาแห่งประเทศไทย หรือ กกท.)

 

อีกสองคนกล่าวได้ว่ามาเป็นคู่ เพราะเขาเป็นพี่น้องลูกครึ่งไทย-อิตาเลียน นั่นคือ มรรค และคาเรน จันเหลือง พี่ชาย-น้องสาว ที่มีคุณพ่อเป็นคนไทยและคุณแม่เป็นคนอิตาเลียน ทั้งคู่เติบโตใน เกรสโซเนย์-ลา-ตรินิเต้ หมู่บ้านสกีรีสอร์ททางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศอิตาลี จึงอยู่ในบรรยากาศของการเล่นสกีมาตั้งแต่เด็ก

 

คุณพ่อบุญจันทร์ จันเหลือง ที่เป็นแรงผลักดันให้ลูก ๆ เล่นกีฬาสกีจนก้าวมาสู่เวทีโอลิมปิกฤดูหนาวครั้งนี้ บอกเล่าว่า ทั้งมรรคและคาเรน เติบโตมากับอากาศหนาวและการเล่นสกี มีครูจากโรงเรียนมาสอนให้  ครอบครัวไม่เคยหวังว่าเด็กทั้งสองจะมาโอลิมปิก เพราะตอนนั้นหวังเพียงให้ได้เล่นเยอะที่สุด เพราะอยากเลี้ยงลูกให้ได้ใช้กล้ามเนื้อครบทุกส่วน เป็นคนที่แข็งแรงสมบูรณ์ที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ผลพลอยได้คือการได้เข้ามาสู่การแข่งขันโอลิมปิก

"หมู่บ้านเราอยู่สูงจากระดับน้ำทะเล เกือบ 1,700 เมตร พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นน้ำแข็ง และมีหิมะตกประมาณ 6-7 เดือนต่อปี เพราะฉะนั้นเด็กที่นี่คือเกิดมาก็ต้องอยู่กับหิมะตลอด เลยเป็นเรื่องปกติที่คนในหมู่บ้านนี้จะต้องเล่นสกีเป็น ที่นี่เป็นสกีรีสอร์ทที่คนมากันทั่วโลก อาชีพหลักคือกิจการโรงแรมร้านอาหาร และบริการสกี เราก็ตั้งใจอยากให้ลูกเป็นครูสอนสกีเพราะเป็นงานมีรายได้ แล้วก็บอกลูกว่าพ่อแม่ขอสองอย่างคืออย่างน้อยเรียนจบไฮสคูล และได้ใบประกาศครูสอนสกีจะเป็นประเภทอะไรก็ได้ สุดท้ายมาลงที่ครอสคันทรี"

 

ในโอลิมปิกฤดูหนาวครั้งนี้ คาเรนจะลงแข่งขันประเภทครอสคันทรี สกี หญิง 15 กม. คลาสสิค วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา 14.00-15.30 น. โดยตั้งเป้าหมายติดอันดับ 1 ใน 40 ของการแข่งขัน หลังจากผลงานครั้งที่ผ่านมาติดอันดับ 82 เวลา 32.30.02 นาที

 

ส่วน มรรค จะลงแข่งขันประเภทครอสคันทรี สกี ชาย 15 กม. คลาสสิค วันที่ 11 กุมภาพันธ์ เวลา 14.00-15.45 น. โดยตั้งเป้าหมายติดอันดับ 1 ใน 30 ของการแข่งขัน หลังจากผลงานครั้งที่ผ่านมาติดอันดับ 57 เวลา 38.40.80 นาที

 

คุณพ่อบุญจันทร์แนะนำว่า พ่อแม่ที่อยากส่งเสริมลูก ๆด้านการกีฬา ในขณะเด็กๆ อย่าลงทุนมากเกินไป ให้เขาได้มีอุปกรณ์ธรรมดา พัฒนาร่างกายและจิตใจได้ด้วยตนเองไปเรื่อยๆ ซึ่งตัวพ่อเองภูมิใจมากที่ลูกๆทั้งสองได้ติดทีมชาติไทย มีความเป็นคนไทย รู้จักวัฒนธรรมไทย ซึ่งเขาถือว่านี่คือเหรียญจากโอลิมปิกแล้ว

 

ส่วนคุณแม่มาเรียบอกว่า เธอเป็นนักกายภาพบำบัด นวดให้ลูกเป็นประจำ สอนให้ลูกเล่นกีฬาหลากหลายตั้งแต่อายุ 10 ขวบ เพราะเป็นช่วงที่ร่างกายมีพัฒนาการสูง ต้องทำให้กล้ามเนื้อทุกมัดพร้อมสำหรับทุกการเคลื่อนไหวของนักกีฬา และเติบโตอย่างสมดุล เธอบอกว่า เห็นเด็กหลายๆ คนเล่นกีฬาเพียงอย่างเดียวหรือวิธีเดียว นี่คือความไม่สมดุล เธอจึงให้มรรคและคาเรนฝึกเล่นกีฬาหลายๆ อย่าง

 

อีกเรื่องที่เธอใส่ใจคืออาหารเพื่อสุขภาพ หลักๆ อาหารเช้าจะผสมเมล็ดพืชชนิดต่างๆ เข้าด้วยกัน นม มังสวิรัติ บางวันก็ใส่ผัก ผลไม้ด้วย

 

สรุปอีกครั้ง สำหรับชาวไทยทุกคนที่จะร่วมส่งกำลังใจ ร่วมชมและร่วมเชียร์นักกีฬาไทยในการแข่งขันครั้งนี้ สามารถทำได้ผ่านการถ่ายทอดสดทางช่อง T Sports 7 และแอพพลิเคชั่น AIS Play ตามวันและเวลา ดังนี้

1. มิดา "ฟ้า" ใจมั่น ประเภทอัลไพน์ Alpine Skiing หญิง Giant Slalom วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2565 Run1 เวลา 09.15-11.00 น. Slalom วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2565 Run1 เวลา 09.15-11.00 น., Run2 เวลา 12.45-14.40 น.
2. มรรค จันเหลือง ประเภทครอสคันทรี Cross-country Skiing ชาย 15 กม. Classic วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา 14.00-15.45 น.
3. คาเรน จันเหลือง ประเภทครอสคันทรี Cross-country Skiing หญิง 15 กม. Classic วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา 14.00-15.30 น.
4. นิโคลา ซานอน ประเภทอัลไพน์ Alpine Skiing ชาย Giant Slalom วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2565 Run1 เวลา 09.15-11.15 น.

 

ระหว่างวันที่ 5-19 กุมภาพันธ์ 2565 ยังมีรายการเดลี่ไฮไลท์ เวลา 23.00-24.00 น. ทางช่อง T Sports 7 อีกด้วย ส่วนการถ่ายทอดสดพิธีปิดการแข่งขันในวันที่ 20 ก.พ. จะมีขึ้นตั้งแต่เวลา 19.00 น. เป็นต้นไป (ตามเวลาประเทศไทย) 

 

ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก สมาคมกีฬาสกีและสโนว์บอร์ดแห่งประเทศไทย และเว็บไซต์ https://stadiumth.com/