สุดท้ายต้องฉีดเข็มสาม "เฟาชี" แนะมาตรฐานอเมริกันต้องฉีดวัคซีนบูสเตอร์

24 พ.ย. 2564 | 10:21 น.
อัปเดตล่าสุด :24 พ.ย. 2564 | 17:32 น.

แพทย์ใหญ่ที่ปรึกษาทำเนียบขาว ยอมรับว่า ผู้ที่ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ครบโดสแล้วควรได้รับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น (วัคซีนบูสเตอร์) ด้วย ซึ่งต่อไปจะกลายเป็นมาตรฐานของสหรัฐสำหรับนิยามคำว่า “ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว”

นายแพทย์แอนโทนี เฟาชี แพทย์ใหญ่ประจำคณะทำงานด้านการควบคุมโรคโควิด-19 ของทำเนียบขาว กล่าวว่า ชาวอเมริกันที่ได้รับ วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ครบโดสแล้วควรฉีด วัคซีนเข็มบูสเตอร์ ด้วย พร้อมกับกล่าวว่า ในวันข้างหน้าวัคซีนบูสเตอร์จะกลายเป็น มาตรฐานของสหรัฐ ที่กำหนดว่าผู้ได้รับเข็มบูสเตอร์เท่านั้นที่ถือว่าฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว

 

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า นายแพทย์เฟาชีและผู้เชี่ยวชาญด้านโรคอีกหลายคนคาดการณ์ว่า โรคโควิด-19 จะเปลี่ยนผ่านจากโรคที่แพร่ระบาดทั่วสหรัฐไปเป็นโรคประจำถิ่นในช่วงฤดูใบไม้ผลิปีหน้า ซึ่งหมายความว่าโควิด-19 จะยังคงแพร่กระจายในระดับต่ำลง ส่งผลกระทบน้อยลงในวงแคบลง แต่ก็ยังคงมีการระบาดอย่างมีนัยสำคัญในปีต่อ ๆ ไป

นายแพทย์แอนโทนี เฟาชี

อย่างไรก็ดี ผู้เชี่ยวชาญบางคนมีความกังวลเกี่ยวกับจำนวนผู้ติดเชื้อในสหรัฐที่เพิ่มขึ้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยการติดเชื้อมีแนวโน้มว่าจะเร่งตัวขึ้นเมื่อชาวอเมริกันเดินทางและรวมกลุ่มกันมากขึ้นเพื่อร่วมงานเทศกาลวันขอบคุณพระเจ้าของสหรัฐในสัปดาห์นี้ (ปีนี้วันขอบคุณพระเจ้าตรงกับวันพฤหัสฯที่ 25 พ.ย.) ตลอดจนเทศกาลวันหยุดอื่น ๆ ที่กำลังจะมาถึง

"เราต้องการให้คนที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว ไปฉีดเข็มบูสเตอร์ให้ได้มากที่สุด" นายแพทย์เฟาชีกล่าวให้สัมภาษณ์สำหรับการประชุม Reuters Next ที่จัดโดนสำนักข่าวรอยเตอร์

 

ปัจจุบันมีชาวอเมริกันประมาณ 33 ล้านคนได้รับวัคซีนเข็มบูสเตอร์แล้ว โดยเมื่อไม่นานมานี้ รัฐบาลสหรัฐได้ขยายสิทธิ์ในการฉีดวัคซีนเข็มบูสเตอร์ให้กับประชาชนวัยผู้ใหญ่ทั้งหมดที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป

 

เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (21 พ.ย.) นายแพทย์เฟาชียังได้กล่าวเตือนถึงแนวโน้มการพุ่งขึ้นของยอดผู้ติดเชื้อโควิดในสหรัฐว่า แนวโน้มนั้นอยู่ในขั้นอันตรายเนื่องจากสหรัฐกำลังมุ่งหน้าเข้าสู่เทศกาลวันหยุดแห่งการเฉลิมฉลองซึ่งผู้คนจะมีงานเลี้ยงและชุมนุมสังสรรค์กัน แต่ความเสี่ยงดังกล่าวก็สามารถหลีกเลี่ยงได้หากทุกคนลงมือทำ โดยเฟาชีกล่าวในรายการ State of the Union ของสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็นว่า ยังมีประชาชนอเมริกันราว 60 ล้านคนที่ควรจะได้รับวัคซีนป้องกันโควิดแล้ว แต่พวกเขายังไม่ได้รับวัคซีน และนั่นก็ส่งผลให้เกิดการแพร่ระบาดในชุมชนต่าง ๆ และกลุ่มคนที่เสี่ยงที่สุดก็คือคนที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนเอง แต่ที่แย่กว่านั้น คือแม้แต่คนที่ฉีดวัคซีนแล้วก็ยังจะติดเชื้อได้อีก กลายเป็นวงจรของการแพร่ระบาด

 

“ไวรัสยังคงแพร่ระบาดเป็นวงจร เราไม่อาจหลีกหนีข้อมูลที่มีอยู่ ข้อมูลที่ว่ายอดผู้ติดเชื้อใหม่กำลังเริ่มไต่ขึ้นอีก ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่เหนือคาดหมายเพราะฤดูหนาวกำลังจะมาถึงและผู้คนก็เริ่มเข้าทำกิจกรรมในตัวอาคารกันมากขึ้น ขณะที่วัคซีนป้องกันที่ฉีดกันไปแล้ว เมื่อฉีดไปได้ระยะหนึ่งก็เริ่มเข้าสู่ช่วงที่ภูมิต้านทานเริ่มลดลง”

 

นายแพทย์เฟาชีกล่าวว่า แม้แต่ผู้ที่ฉีดวัคซีนป้องกันแล้วก็ยังอาจสามารถเป็นพาหะกระจายเชื้อไวรัสโควิดได้ นอกจากนี้ พวกเขายังสามารถติดเชื้อได้อีก นอกเสียจากว่าพวกเขาจะรับวัคซีนบูสเตอร์(หรือวัคซีนเข็มที่สาม) เพื่อกระตุ้นภูมิต้านทานให้สูงขึ้น