ฮ่องกง “เปิดเกาะ” รับ นทท. อย่างค่อยเป็นค่อยไป ฉีดวัคซีนแล้วเปิดรับก่อนเลย

04 ส.ค. 2564 | 00:27 น.
อัปเดตล่าสุด :04 ส.ค. 2564 | 13:36 น.
1.3 k

รัฐบาลฮ่องกงจ่ออนุญาตผู้อาศัย-นักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนป้องกันโควิดแล้ว สามารถเดินทางเข้ามาได้ ยกเว้นจาก 10 ประเทศ “เสี่ยงสูง” ที่รวมถึงอังกฤษ อินเดีย และบราซิล เริ่ม 9 ส.ค.นี้  

สื่อต่างประเทศรายงานว่า ฮ่องกง เตรียมอนุญาตให้ นักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19แล้ว จากทุกประเทศทั่วโลกยกเว้น 10 ประเทศที่ถูกจัดอยู่ในกลุ่ม “เสี่ยงโควิดสูง”  เดินทางเข้าฮ่องกงได้นับตั้งแต่วันที่ 9 ส.ค.นี้เป็นต้นไป ซึ่งนับเป็นการผ่อนคลายมาตรการควบคุมชายแดนที่เข้มงวดที่สุดแห่งหนึ่งในโลก

 

นักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนแล้วจากประเทศต่างๆ ที่มี “ความเสี่ยงปานกลาง” (medium-risk) ซึ่งรวมถึงสหรัฐอเมริกา และแคนาดา จะสามารถเดินทางเข้าฮ่องกงได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่โรคโควิด-19 เริ่มแพร่ระบาด ขณะเดียวกันชาวฮ่องกงจากประเทศต้องห้ามก่อนหน้านี้เช่น อังกฤษ และอินเดีย ก็จะสามารถเดินทางกลับประเทศได้แล้ว

 

อย่างไรก็ตาม นักท่องเที่ยวและผู้อยู่อาศัยจากประเทศที่มีความเสี่ยงปานกลาง จะถูกขอให้เข้ารับการกักตัวเป็นเวลา 7 วันภายในโรงแรมเมื่อเดินทางมาถึงฮ่องกง และพวกเขาจะต้องได้รับการทดสอบแอนติบอดีจากห้องปฏิบัติการที่รัฐบาลฮ่องกงรับรองเพื่อพิสูจน์ว่า พวกเขาได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว โดยศูนย์ทดสอบแอนติบอดีที่สนามบินจะเปิดให้บริการตั้งแต่กลางเดือนส.ค.นี้เป็นต้นไป

ฮ่องกง “เปิดเกาะ” รับ นทท. อย่างค่อยเป็นค่อยไป ฉีดวัคซีนแล้วเปิดรับก่อนเลย

 

เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (2 ส.ค.) นางแคร์รี แลม ผู้บริหารสูงสุดประจำเขตบริหารพิเศษฮ่องกงประกาศมาตรการผ่อนปรนเป็นครั้งแรก แต่ไม่ได้ระบุรายละเอียดมากนัก เธอยังกล่าวถึงการอนุญาตให้เด็กที่ยังไม่มีสิทธิ์เข้ารับการฉีดวัคซีนสามารถเดินทางออกจากโรงแรมที่กักตัวกับพ่อแม่ที่ได้รับการฉีดวัคซีนแล้วได้หลังจากผ่านไป 7 วัน แม้ว่าพวกเขาจะต้องกักตัวเองที่บ้านต่ออีก 2 สัปดาห์

 

ทั้งนี้ แผนการดังกล่าวมีขึ้นขณะที่ฮ่องกงพยายามเปิดเศรษฐกิจอีกครั้ง หลังจากไม่พบรายงานผู้ติดเชื้อรายใหม่ภายในเกาะฮ่องกงเป็นเวลาเกือบ 2 เดือน ขณะเดียวกัน ฮ่องกงยังคงจับตาไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา (Delta) ที่แพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็วและส่งผลให้ทั่วโลกเกิดการแพร่ระบาดระลอกใหม่ แต่ฮ่องกงยังสามารถสกัดกั้นไวรัสสายพันธุ์ดังกล่าวไม่ให้กล้ำกรายเข้ามา ซึ่งสร้างความโล่งใจในระดับหนึ่งให้กับบรรดาผู้นำภาคธุรกิจของฮ่องกง   

 

“นี่เป็นก้าวที่คืบหน้าในเชิงบวกอย่างมากซึ่งจะช่วยให้ฮ่องกงกลับไปเชื่อมต่อกับประเทศอื่น ๆในโลกซึ่งเป็นเรื่องสำคัญอย่างมากสำหรับการดำรงสถานการณ์เป็นศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศของฮ่องกง ขณะเดียวกันก็ต้องเฝ้าระมัดระวังเกี่ยวกับโควิด-19” ทารา โจเซฟ ประธานหอการค้าอเมริกันในฮ่องกงให้ความเห็น  

ฮ่องกง “เปิดเกาะ” รับ นทท. อย่างค่อยเป็นค่อยไป ฉีดวัคซีนแล้วเปิดรับก่อนเลย การที่ฮ่องกงเป็นศูนย์กลางการเงินและการค้าในภูมิภาคที่มีเที่ยวบินเข้า-ออกหนาแน่นที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ทำให้มีแรงกดดันจากภาคธุรกิจให้รัฐบาลผ่อนคลายมาตรการที่เข้มงวดต่าง ๆลงบ้าง แต่ขณะเดียวกันเนื่องจากฮ่องกงยังมีอัตราการฉีดวัคซีนต่ำอยู่มาก นั่นหมายความว่า หากไวรัสโควิดเดลต้าเล็ดรอดเข้ามาในฮ่องกงได้ ก็อาจจะแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วและสร้างหายนะขึ้นได้  

 

ประเทศคู่แข่งของฮ่องกงอย่างสิงคโปร์ ได้ประกาศออกมาแล้วว่า จะผ่อนคลายมาตรการควบคุมด้านการเดินทางเข้า-ออกสิงคโปร์ในเดือนกันยายนนี้ หลังจากที่สามารถฉีดวัคซีนป้องกันโควิดให้ประชาชนได้ถึง 80% แล้ว  

 

สำหรับประเทศ “เสี่ยงสูง” (high-risk) 10 ประเทศที่ยังคงเป็นข้อยกเว้นในมาตรการผ่อนคลายการเดินทางเข้าฮ่องกงนั้น รวมถึงอังกฤษ อินเดีย และบราซิล ซึ่งผู้ที่เดินทางมาจากประเทศเหล่านี้จะยังไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าฮ่องกง เว้นแต่ว่าจะเป็นผู้ที่มีถิ่นพำนักในฮ่องกงที่เดินทางกลับมาจากประเทศเหล่านี้ แต่พวกเขาก็ยังต้องฉีดวัคซีนให้ครบโดสก่อนเดินทางมาถึงฮ่องกง และเมื่อมาถึงแล้วก็ยังต้องกักตัวในโรงแรมที่ได้รับการรับรองจากรัฐบาลฮ่องกงเป็นเวลา 21 วันด้วย

 

ขณะเดียวกับการเตรียมพร้อมเปิดเกาะและเปิดเศรษฐกิจสู่โลกภายนอกอีกครั้ง รัฐบาลฮ่องกงได้เร่งฉีดวัคซีนให้กับประชาชนโดยใช้มาตรการต่าง ๆ เช่น การกำหนดให้โรงเรียนที่มีนักเรียนฉีดวัคซีนแล้วถึง 70% เท่านั้น จึงจะสามารถกลับมาเปิดการเรียนการสอนแบบปกติได้ในเดือนกันยายน นอกจากนี้ ครูเองก็ต้องฉีดวัคซีนด้วย ไม่เช่นนั้นก็ต้องเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิดเป็นประจำ ๆโดยต้องออกค่าใช้จ่ายเอง

อัตราการฉีดวัคซีนป้องกันโควิดในฮ่องกงยังถือว่าต่ำมาก จนถึงขณะนี้ ฮ่องกงฉีดวัคซีนป้องกันโควิดให้ประชาชนแบบครบโดสแล้วราว 2.5 ล้านคน ซึ่งเท่ากับ 33% ของจำนวนประชากรทั้งหมด นับเป็นอัตราการฉีดวัคซีนครบโดสที่น้อยมากเมื่อเทียบกับประเทศหรือเมืองใหญ่อื่น ๆในโลก เช่น สิงคโปร์ (61%) ลอนดอน (48%) และนิวยอร์ก (54%)  

 

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่รัฐบาลประกาศผ่อนคลายมาตรการควบคุมการเดินทางเข้าฮ่องกง ปรากฏว่ายอดลงทะเบียนจองฉีดวัคซีนได้พุ่งขึ้นอย่างมาก โดยผู้จองฉีดวัคซีนซิโนแวคเพิ่มขึ้นจาก 4,200 คนในวันอาทิตย์ (1 ส.ค.) เป็น 6,600 คนในวันจันทร์ (2 ส.ค.) ส่วนผู้จองฉีดวัคซีนของบิออนเทค (ซึ่งเป็นผู้ร่วมพัฒนาวัคซีน mRNA กับไฟเซอร์) ขยับขึ้นจาก 23,100 คนเป็น 41,600 คนในช่วงเวลาเดียวกัน