โหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ผ่าน-ไม่ผ่าน ต้องทำอย่างไรอ่านด่วน

13 ก.ค. 2566 | 18:40 น.
อัปเดตล่าสุด :13 ก.ค. 2566 | 18:42 น.
1.3 k

โหวตเลือกนายกรัฐมนตรี กรณีผ่าน-ไม่ผ่าน ต้องทำอย่างไรหลังวันนี้ 13 กรกฏาคม 2566 ประชุมพรรคร่วมรัฐสภาเลือกนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 เริ่มเวลา 09.30 น. คลิกอ่านข้อมูลทั้งหมดที่นี่

ความคืบหน้ากรณีที่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ถูกที่ประชุมคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. มีมติให้ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าสมาชิกภาพ ส.ส.ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส. บัญชีรายชื่อและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคก้าวไกลสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98 (3) ประกอบมาตรา 101 (6) หรือไม่ จากเหตุมีชื่อถือครองหุ้นสื่อบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) จำนวน 42,000 หุ้น รวมทั้งมีคำขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาสั่งให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.ไว้จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัย 

สำหรับในวันนี้ 13 กรกฎาคม 2566 มีประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 หากพรรคร่วมรัฐบาลเสนอชื่อ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล

ขั้นตอนโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี กรณีผ่าน

  • วันนี้เริ่มประชุม 09.30 น.
  • ก่อนลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 แบ่งเวลาเป็น 2 ช่วง
  • วุฒิสภา 2 ชั่วโมง
  • ส.ส.ทุกพรรครวมกัน 4 ชั่วโมง โดยไม่กำหนดเวลาของ ส.ส.
  • ลงมติเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรีประมาณ 17.00 น.
  • หากโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีตามเกณฑ์ 376 เสียงถือว่าผ่านเกณฑ์ที่ได้กำหนดไว้

โหวตเลื่อนนายกรัฐมนตรีกรณีไม่ผ่าน

  • ไม่ได้รับเสียงเห็นชอบจากกรัฐสภาตามเกณฑ์ 376 เสียง จะไม่สามารถเสนอชื่อซ้ำอีกในการโหวตครั้งที่ 2
  • โหวตรอบ 2 วันที่ 19 กรกฎาคม

 

โหวตเลือกนายกรัฐมนตรีผ่าน-ไม่ผ่าน ต้องทำอย่างไร

รัฐบาลใหม่ 8 พรรคการเมือง 312 เสียง

  • ก้าวไกล มี ส.ส.151 เสียง
  • พรรคเพื่อไทย 141 เสียง
  • พรรคประชาชาติ 9 เสียง
  • พรรคไทยสร้างไทย 6 เสียง
  • พรรคเพื่อไทรวมพลัง 2 เสียง
  • พรรคเสรีรวมไทย พรรคเป็นธรรม และ พรรคพลังสังคมใหม่ พรรคละ 1 เสียง

รัฐธรรมนูญให้อำนาจ ส.ส.เลือกนายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ต้องใช้เสียงมากกว่าครึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎร หรือ 251 เสียง แต่ในบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญ กำหนดว่า ใน 5 ปีแรกของรัฐสภาใหม่ให้ ส.ว. ร่วมเลือกนายกรัฐมนตรีกับ ส.ส. โดยรัฐสภาประกอบด้วย ส.ส. 500 คน และ ส.ว. 250 คน รวมเป็น 750 คน ผู้ที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีจะต้องได้รับเสียงมากกว่าครึ่งหนึ่งของรัฐสภาหรือ 376 เสียง

การลาออกของ น.ส.เรณู ส่งผลให้มี ส.ว.เพียง 249 คน และสมาชิกรัฐสภาทั้งหมดเหลือเพียง 749 คน ทำให้จำนวนการโหวตนายกรัฐมนตรีที่ต้องได้รับเสียงสนับสนุนจากรัฐสภาเกินกึ่งหนึ่งอยู่ที่ 375 คน

ล่าสุด สำหรับการลงมติโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ปรากฎว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ คะแนนไม่ถึง 375 กึ่งของสมาชิกที่มีอยู่ 749 เสียง ทำให้ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ไม่ได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 30