บิ๊กท่องเที่ยวขอรัฐบาลพรรคเดียว ถ้าผสมไม่เกิน 2 พรรค

15 พ.ค. 2566 | 04:00 น.
อัปเดตล่าสุด :15 พ.ค. 2566 | 07:20 น.

บิ๊กท่องเที่ยว “ไชยวัฒน์ เหลืองอมรเลิศ” อยากได้รัฐบาลพรรคเดียว ถ้าผสมขอรัฐบาลผสมไม่เกิน 2 พรรค เข้ามาเร่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจประเทศ

นายไชยวัฒน์ เหลืองอมรเลิศ ประธานคณะกรรมการ สยามพาร์คซิตี้กรุ๊ป เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่าการเลือกตั้งคราวนี้ก็อยากได้รัฐบาลพรรคเดียว ถ้าผสมก็ไม่อยากให้เกิน 2 พรรค เพราะว่าการที่มีรัฐบาลพรรคเดียว การแก้ไขปัญหาต่างๆจะรวดเร็วขึ้น ถึงแม้จะมีพรรคเดียวกันก็ยังมีปัญหาที่ต้องถกเถียงกันในขั้วเดียวกันเลย แต่ถ้ามีหลายพรรคปัญหายุ่งยากจะเกิดขึ้น ทำให้การแก้ปัญหาเศรษฐกิจประชาชนหรือปากท้องอื่นๆจะเป็นไปจนละทิศคนละทาง ไม่เรียบร้อย ถ้าได้พรรคเดียวดีที่สุด หรืออย่างน้อยสัก 2 พรรคก็พอไปไหว

ไชยวัฒน์ เหลืองอมรเลิศ

นายกคนใหม่ควรมีคุณสมบัติที่กล้าหาญ ชาญชัย สามารถตัดสินใจได้เด็ดเดี่ยว เพราะเศรษฐกิจตอนนี้ตกต่ำไปมาก แล้วบ้านเมืองย่ำแย่มา 8-9 ปีแล้ว การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของเราจะช้าไม่ได้แล้ว เพราะเดี๋ยวนี้ปัญหาเศรษฐกิจไม่ได้แก้เฉพาะภายในประเทศ การแก้ปัญหาตอนนี้ต้องทั่วโลก มันต้องรวมกันมองปัญหาในประเทศและต่างประเทศเป็นหลัก

ปัญหาเศรษฐกิจโลกยิ่งย่ำแย่อยู่ แล้วภายในก็แย่หนักอยู่แล้วด้วย ทำให้การแก้ปัญหาความยากและซับซ้อนยิ่งขึ้น เราจึงต้องได้รัฐบาลที่ใจถึง แล้วต้องมีปัญญาเข้มแข็ง และต้องสามารถแก้ปัญหาระหว่างในประเทศและต่างประเทศได้ เพราะว่าตอนนี้โลกกำลังร้อนฉ่าอยู่

ผมดูแล้วคุณสมบัติคนที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ละพรรคมันยังไม่มีใครที่น่าจะมีเป็นนายกฯที่แก้ปัญหาได้ เพราะบางคนที่มีความสามารถก็ไม่ไปกับการเมือง บางคนก็เก่า บางคนใหม่ก็ยังเด็กเกินไป คนเก่าจะเอาเรื่องเก่าๆ คนใหม่ก็จะเอาเรื่องใหม่ๆ คนที่เข้าไปการเมืองก็ยังไม่กล้าตัดสินใจมากนัก

เนื่องจากการเมืองเป็นเรื่องของของหอม แต่เมื่อเข้าไปแล้วมันจะเหม็น งั้นกว่าคนหอมจะเข้าไป เจอเหม็นเข้าก็จะแก้ปัญหายาก ผะอืดผะอม ไม่รู้จะทำอย่างไร ดังนั้นคุณสมบัติคนที่จะเป็นนายกฯจะต้องกล้าหาญ  ฉับเฉงว่องไว และต้องมีคุณสมบัติ โดยเฉพาะเรื่องรัฐบาลไทยแก้ยากมาก

เพราะเกี่ยวกับเรื่องของข้าราชประจำ เขาเคยทำอย่างไร ปฏิบัติอย่างไร เขาก็จะปฏิบัติตามที่เขาเคยปฏิบัติ การแก้ไขของการเมือง ก็ไม่กล้าเข้าไปล้วงลูกอะไรมากนัก ปัญหาจึงเป็นปัญหาโลกแตก ที่ว่าไก่ออกก่อนไข่ หรือไข่ออกก่อนไก่ การแก้ปัญหาคนต้องมีฝีมือจริงๆ ต้องเก๋าๆการเมืองจริงๆ ต้องรู้เล่ห์เหลี่ยมของข้าราชการประจำจริงๆ

จึงจะสามารถผ่านพ้นไปได้ และเมื่อผ่านพ้นไปได้ ยังไปติดแหง่กอยู่ที่เรื่องเศรษฐกิจโลก เรื่องนโยบายต่างๆของโลกที่ปะทะร้อนอยู่ทั่วโลก เราจะเจอแค่สงครามในยูเครน รัสเซีย หึ่มๆระหว่างจีน ไต้หวัน อเมริกา เกาหลี ญี่ปุ่น แค่นี้ก็วุ่นวายพอสมควรแล้ว เพราะว่ามันเป็นเรื่องของเศรษฐกิจร่วมกันอยู่

ฉะนั้นผมว่ายากมากที่รัฐบาลเข้าไป 100 วันแรกจะทำอะไรได้ เพราะผมว่า 100 วันแรกยังไม่สามารถที่จะรวมหรือตั้งคณะรัฐมนตรีได้เลย ภายใน 3 เดือนเลือกตั้งเสร็จ ยังตั้งรัฐบาลไม่สำเร็จแน่นอน การตั้งของสภาผู้แทนราษฏร์ฯกว่าจะตั้งได้ กว่าจะตั้งนายกฯได้ กว่าจะทูลเกล้าได้ กว่าจะตั้งรัฐมนตรีได้มีโอกาส 6 เดือนกว่าจะเรียบร้อย หรือดีไม่ดีก็อาจจะยังไม่มีโอกาสเลย

ดังนั้นหลังจากได้รัฐบาลใหม่ หรือระหว่างที่ยังไม่ได้รัฐบาลใหม่ ผมว่าเป็นเรื่องความท้าทายของโลกใหม่ มันยังมีปัญหาอีกเยอะที่เราจะรับมือไม่ไหว การแก้ปัญหาจะยากขึ้นไปอีกหลังได้รัฐบาลใหม่แล้ว แต่ผมเชื่อว่าเลือกตั้งคราวนี้ประเทศเรายังเหมือนเดิม และจะได้รัฐบาลใหม่เมื่อไหร่ ผมยังไม่มั่นใจว่าเราจะสามารถเดินหน้าต่อไปได้ไหม ประเทศไทยถ้าถามผมโดยดูตามกติกาแล้วคิดว่าเศรษฐกิจและความมั่นคง การบริหารต่างๆ รัฐบาลไหนก็เอาไม่อยู่

เพราะปัจจัยภายนอกและในขย่มขนาดนี้ ปัญหาพวกนี้ต้องใช้เวลาอาจต้องเลือกตั้งครั้งที่ 2 หรือครั้งใหม่ต่อไปจึงจะสามารถแก้ปัญหาได้ อันนี้ก็ยังไม่เห็นว่ารัฐบาลหน้าที่เรากำลังเลือกตั้งใหม่ แล้วเลือกตั้งใหม่จะได้ใครมาเป็นรัฐบาล แต่ถ้าดูการโพลตามนี้ผมว่ารัฐบาลยังเอาไม่อยู่ มี 2 ขั้วหลักที่คิดว่าจะได้ตั้งรัฐบาล แต่ 2 ขั้วนี้ก็ไม่สามารถรวมกันได้ หรืออาจจะรวมกันได้ ก็ไม่สามารถเดินนโยบายได้ตามความเป็นจริง เพราะทั้ง 2 พรรค ที่จะมีโอกาสตั้งรัฐบาล

แต่ละพรรคก็มีจุดยืนของตัวเองค่อนข้างจะมั่นคง ถ้าเอาขั้วพรรคเล็กๆมารวมกันก็จะยิ่งยุ่งไปใหญ่ คราวนี้เลือกตั้งคงจะยังไม่สามารถมั่นคงได้ในเวลาอันรวดเร็ว ดูแล้วคิดว่าประเทศไทยยังต้องรอไปอีกระยะหนึ่ง มันยากที่บอกว่าภายในเลือกตั้งใหม่จะดีขึ้นไหม ตั้งรัฐบาลใหม่สำเร็จไหม ปัญหาหนักมาก ผมทายว่าปัญหา 2-3 ปีนี้ยังจะไม่มีรัฐบาลไหนแก้ปัญหาได้ อาจต้องเข้าไปวงล้อเดิม ยากที่จะสะสางปัญหาได้โดยเร็ว