“ดร.เอ้” ห่วงบางขุนเทียนจมน้ำ ลุยขอคะแนนช่วยสากล ม่วงศิริ เบอร์ 6 ปชป.

วันเสาร์ที่ 29  เมษายน 2566 ตั้งแต่ในช่วงเช้า ดร.เอ้ สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ได้ไปเดินขอคะแนนเสียงในตลาดเช้าหมู่บ้านพิศาล และตลาดสายเอ หมู่บ้านเคหะ พร้อมกับได้ขอขอบคุณพี่น้องประชาชนที่อยู่เคียงข้างเสมอมา

จากนั้นได้เดินทางเข้าพบผู้นำชุมชนต่างๆ อาทิ ชุมชนทรัพย์สินพัฒนา ชุมชนโฟรโมสต์ ชุมชนเชื่อมสัมพันธ์ - เคหะไฟฟ้า ซ.พระรามที่ 2 - เคหะ โครงการ 3 - บ้านเอื้ออาทร แสมดำ - บ้านเอื้ออาทร บางขุนเทียน 3 ซ.เทียนทะเล 28 เพื่อขอให้สนับสนุน “สากล ม่วงศิริ” ผู้สมัคร ส.ส. กทม. เขตบางขุนเทียน-เขตบองบอน เบอร์ 6 ในบัตรสีม่วง ได้เข้าไปทำงาน

แม้การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาจะไม่ได้รับเลือก แต่ “สากล ม่วงศิริ” ไม่เคยทิ้งพี่น้องไปไหน และยังคงเป็นห่วงสารทุกข์ สุขดิบ เสมอมา ครั้งนี้จึงเป็นโอกาสสำคัญที่พี่น้องประชาชนจะได้สนับสนุนให้ได้กลับเข้าไปทำงานเพื่อพัฒนาพื้นที่นี้อย่างจริงจัง

พร้อมกับขอโอกาสให้กับตนเองได้ใช้ความรู้ความสามารถที่มีอยู่ แก้ปัญหาให้ประเทศ ด้วยการกาเลือก เบอร์ 26 พรรคประชาธิปัตย์ ในบัตรสีเขียว

ในการเข้าพบผู้นำชุมชนโครงการหมู่บ้านเขตบางขุนเทียน-บางบอน ดร.เอ้ สุชัชวีร์ ได้แสดงความเป็นห่วงถึงสถานการณ์น้ำโดยเฉพาะในเขตบางขุนเทียนว่า กรุงเทพฯ ประเทศไทย เป็นหนึ่งในพื้นที่ที่นักวิชาการคาดการณ์ว่า กรุงเทพฯ จะจมทะเล

เริ่มต้นจากบางขุนเทียน เพราะแม่น้ำเจ้าพระยาอยู่สูงกว่าจุดที่เรายืนอยู่ 2.5 เมตร และยังมีบริเวณคลองแสนแสบ ถนนสุขุมวิท ที่เป็นพื้นที่ต่ำที่สุด ซึ่งตนและพรรคประชาธิปัตย์ตั้งใจจะหยุดปัญหาดังกล่าวให้ได้ จึงประกาศนโยบาย “Delta works Thailand กรุงเทพต้องไม่จมน้ำ” ซึ่งเป็นโครงการป้องกันน้ำทะเลหนุนตั้งแต่ปากแม่น้ำเจ้าพระยา

นอกจากนี้ ดร.เอ้ สุชัชวีร์ ยังกล่าวถึงนโยบายเพื่อปากท้องพี่น้องประชาชนว่า นโยบาย “SME ต้องมีแต้มต่อ 3 แสนล้าน” เป็นจักรกลสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ ครอบคลุมหลากหลายธุรกิจ ที่ต้องการยกระดับขีดความสามารถของ SME ไทยให้สามารถแข่งขันทั้งตลาดภายใน และต่างประเทศ

ตลอดจนเสริมสร้างความมั่นคงให้กับเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ ด้วยการให้กลุ่ม SME สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุน สำหรับการพัฒนา ต่อเติม ขยายกิจการตลอดจนการเพิ่มทุนธุรกิจเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากให้กับประเทศต่อไปได้

สำหรับนโยบายด้านการศึกษา ซึ่งเป็น DNA ของพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีความจริงจังเรื่องการศึกษา จึงมีนโยบายให้เด็กไทย “เรียนปริญญาตรีฟรี ในสาขาที่ตลาดต้องการ” และตนมีความพร้อมที่จะดูแลรับผิดชอบนโยบายนี้อย่างจริงจัง เพื่อให้ผู้ที่เรียนมีงานทำตั้งแต่ในระหว่างเรียน สามารถฝึกงานในบริษัทต่างๆ ได้ และเมื่อเรียนจบ บริษัทเหล่านั้นจะยิ่งได้รับประโยชน์ นอกจากได้ผู้มีทักษะจากประสบการณ์ตรงแล้ว ยังสามารถนำค่าใช้จ่ายในระหว่างที่ให้เด็กเข้าฝึกงาน นำมาลดหย่อนภาษีให้กับบริษัทได้ด้วย

สำหรับนโยบาย “ตรวจสุขภาพฟรี รักษาฟรี ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว” เป็นนโยบายเพื่อให้ผู้สูงอายุ และพี่น้องประชาชนหมดความกังวลในเรื่องการดูแลสุขภาพ เพราะมองเรื่องค่าใช้จ่ายเป็นอันดับแรก นโยบายนี้ผู้สูงอายุไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด เพียงแค่ใช้บัตรประชาชนใบเดียวในการเข้ารับการรักษาพยาบาล เพื่อสุขภาพชีวิตที่ดีขึ้น

ส่วนนโยบาย “อินเทอร์เน็ตฟรี 1 ล้านจุด ทั่วประเทศ” เป็นสวัสดิการสำหรับพี่น้องประชาชน และเด็กไทยทั่วประเทศได้มีโอกาสค้นคว้า และเรียนรู้เนื้อหาวิชาดีๆ ไปพร้อมกับโรงเรียน และมหาวิทยาลัยชั้นนำของกรุงเทพฯ

นอกจากนี้ การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ทั่วประเทศ จะทำให้พ่อค้าแม่ค้ามีช่องทางค้าขายออนไลน์ได้สะดวกมากขึ้น รวมถึงเป็นการรองรับการท่องเที่ยว เพื่อให้นักท่องเที่ยวสามารถใช้สัญญาณอินเทอร์เน็ตได้ทันที พร้อมการแจ้งเตือนข่าวสารต่างๆ ได้อีกทาง