“เพื่อไทย”แฉ กกต. พิมพ์บัตรเลือกตั้งเกินเกือบ 7 ล้านใบ สูงเกินจำเป็น

28 เม.ย. 2566 | 14:25 น.
อัปเดตล่าสุด :28 เม.ย. 2566 | 14:30 น.
566

“พรรคเพื่อไทย”แฉ “กกต.” พิมพ์บัตรเลือกตั้งเกินเกือบ 7 ล้านใบ สูงเกินความจำเป็น จี้ชี้แจง  ตั้งศูนย์ป้องกันโกงเลือกตั้ง-จับผิดเจ้าหน้าที่รัฐ

วันนี้(28 เม.ย.66) พรรคเพื่อไทย(พท.) นำโดย นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมาย พรรคเพื่อไทย พล.ต.ต.สุรสิทธิ์ สังขพงศ์ สมาชิกพรรคเพื่อไทย ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันการทุจริตเลือกตั้ง  พรรคเพื่อไทย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย  และผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการเลือกตั้ง ส.ส.พรรคเพื่อไทย  แถลงข่าวแต่งตั้งกลุ่มงานกฎหมายเพื่อป้องกันการทุจริตการเลือกตั้ง ส.ส.พรรคเพื่อไทย  

นายประเสริฐ กล่าวว่า กระบวนการดำเนินการการเลือกตั้งที่ดำเนินการอยู่ในขณะนี้ คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ต้องใช้ความระมัดระวัง ต้องปฏิบัติหน้าที่อย่างถูกต้องรอบคอบ แต่ที่ผ่านมาปรากฏว่า ยังพบความบกพร่อง ผิดพลาด อยู่หลายประการ

 

เช่น การส่งข้อมูลสำหรับการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรเกิดความผิดพลาด การสลับรูปผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคเพื่อไทยและพรรคการเมืองอื่น  หรือการวางกรอบภาพผู้สมัครของพรรคเพื่อไทย และการจัดหน้าผิด ทำให้ประชาชนเกิดความสับสน ซึ่งไม่น่าเกิดขึ้น

พรรคเพื่อไทยจึงส่งหนังสือถึง กกต. ในวันนี้  เพื่อสอบถามการเตรียมการเลือกตั้งล่วงหน้า และขอให้พรรคการเมืองเข้าไปสังเกตการณ์การเก็บรักษาบัตรเลือกตั้ง การจัดส่งบัตรเลือกตั้ง การเก็บรักษาบัตรเลือกตั้งล่วงหน้า การเก็บรักษาบัตรปกติ  และขอทราบจำนวนบัตรเลือกตั้งล่วงหน้า ที่จะมีขึ้นในวันที่ 7 พ.ค. 2566  

โดยเนื้อหาในหนังสือที่นำส่ง กกต.ประกอบไปข้อซักถาม 7 ประการ ได้แก่  1. จำนวนบัตรเลือกตั้งที่จัดพิมพ์ทั้งหมดมีจำนวนเท่าไหร่ มากกว่าจำนวนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งเท่าไหร่  

2. การจัดส่งบัตรให้แต่ละเขตเลือกตั้ง จัดส่งบัตรให้มากกว่า  หรือเท่ากับผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งเท่าใด และการขนส่งบัตรเลือกตั้งมีหลักการรักษาความปลอดภัยอย่างไร  การติดตั้งระบบการติดตามขนส่งหีบบัตรเลือกตั้งไม่ได้ติดตั้งระบบ gps แต่อย่างใด ซึ่งตนทราบมาว่า  กกต.ไม่ได้มีนโยบายดังกล่าว  

3. บัตรเลือกตั้งที่ส่งให้แต่ละเขตเลือกตั้ง จัดเก็บไว้ที่ใด  มีมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างไร 

4. บัตรเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขต เมื่อมีการเลือกตั้ง  จะเก็บไว้ที่ใด  หรือจัดส่งไว้ที่ใด  และมีมาตรการเก็บรักษาความปลอดภัยอย่างไร 

5. ภายหลังเสร็จสิ้นการลงคะแนนในวันเลือกตั้งแล้ว จะนำบัตรเลือกตั้งและหีบบัตรเลือกตั้งเก็บรักษาไว้ที่ใด  และมีมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างไรในการขนส่งให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายใดเป็นผู้เก็บอย่างไร การตั้งประเด็นนี้ขึ้นมา ในกรณีที่หากมีการนับคะแนนใหม่ในเขตเลือกตั้งถ้ามีการเปลี่ยนบัตรหีบเลือกตั้ง  เปลี่ยนจำนวนคะแนนในหีบบัตร  และมานับคะแนนใหม่  อาจจะเป็นปัญหาเรื่องความบริสุทธิ์ยุติธรรมได้  

6. กรณีการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร  มีการควบคุมบัตรเลือกตั้งในแต่ละเขตอย่างไร และขอให้ กกต. เปิดเผยข้อมูลว่า แต่ละประเทศที่มีการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร  ได้จัดส่งบัตรเลือกตั้งกลับมาประเทศไทยเมื่อไหร่ 

7. เพื่อให้เกิดความโปร่งใส พรรคเพื่อไทยขอให้ กกต. อนุญาตพรรคการเมืองเข้าไปสังเกตการณ์จัดส่งบัตรเลือกตั้งไปยังเขตเลือกตั้งต่างๆ และได้เข้าสังเกตการณ์การเก็บบัตรเลือกตั้ง  ทั้งในการเลือกตั้งปกติ  และการเลือกตั้งล่วงหน้าที่ลงคะแนนแล้ว  และอยู่ในระหว่างการเก็บรักษา เพื่อรอมานับคะแนนในวันเลือกตั้ง ขอให้มีการติดตั้งกล้องวงจรปิดในการดูแลรักษาบัตรเลือกตั้งด้วย 

นอกจากนี้ ยังมีข้อสังเกตว่า มีการพิมพ์บัตรเลือกตั้งจำนวนที่สูงกว่าความเป็นจริงหรือไม่  เนื่องจากจำนวนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งในปี 2566 ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งอยู่ที่  52,287,045 คน  แต่จัดพิมพ์บัตรเลือกตั้ง 57 ล้านใบ และมีการพิมพ์เพิ่มสำรองอีก 5% ของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งเพิ่มอีก 2.6 ล้านใบ  รวมพิมพ์บัตรเลือกตั้งเพิ่มเติมทั้งสิ้น 7.3 ล้านใบ  บัตรเลือกตั้งที่ไม่ได้ใช้ จะต้องมีการตรวจนับว่าครบตามจำนวนที่กำหนดมาหรือไม่ด้วย

หากประชาชนมีข้อร้องเรียนพบเห็นการกระทำที่ส่อไปในทางทุจริตการเลือกตั้ง สามารถส่งเรื่องร้องเรียนมาได้ใน 4 ช่องทางได้แก่ 1. คิวอาร์โค้ด (QR Code) ครอบครัวเพื่อไทย 2. เฟซบุ๊ก (Facebook) พรรคเพื่อไทย 3. ทวิตเตอร์ (Twitter) พรรคเพื่อไทย  4. หมายเลขโทรศัพท์ พรรคเพื่อไทย .02-653-4001 
 

“ผมขอวิงวอนให้ทุกฝ่าย ได้ปฏิบัติหน้าที่เพื่อความบริสุทธิ์ยุติธรรม พรรคเพื่อไทยได้จับตาอยู่ทุกขั้นตอนของกระบวนการ  ตั้งแต่การพิมพ์บัตร การลงคะแนน วันนี้พรรคเพื่อไทยอยากเห็นการเลือกตั้งที่มีความบริสุทธิ์ ยุติธรรม  เสียงที่พี่น้องประชาชนได้ลงคะแนนมา  ต้องเป็นคะแนนที่เป็นการใช้สิทธิ์ของพี่น้องประชาชน ไม่มีการเล่นแร่แปรธาตุ" นายประเสริฐ กล่าว

ด้าน นายชูศักดิ์ ศิรินิล กล่าวว่า การเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้นในวันที่ 14 พ.ค.2566 พรรคเพื่อไทยตระหนักดีว่า เป็นการเลือกตั้งที่ต้องสะท้อนเจตนารมณ์ของประชาชน จึงได้ตั้ง “ศูนย์ป้องกันการทุจริตเลือกตั้ง”  พรรคเพื่อไทย ขึ้น โดยมี 3 ภารกิจหลัก ได้แก่ 
1.ป้องกัน ปราบปราม ไม่ให้การเลือกตั้งส่อไปในทางทุจริต  ให้ประโยชน์ แจกเงิน ซื้อเสียง ฝ่าฝืน กฎหมาย และระเบียบของ กกต. 2.การปฏิบัติหน้าที่ของ กกต.เป็นไปโดยสุจริตเที่ยงธรรม หรือไม่

3.การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐ ทั้งฝ่ายปกครอง ทหาร ตำรวจ และเจ้าหน้าที่อื่นๆ เป็นไปโดยถูกต้อง วางตนเป็นกลางหรือไม่ วางตนเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือไม่ โดยเฉพาะเข้าข้างเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือผู้อำนาจในขณะนี้

ขณะที่ พล.ต.ต.สุรสิทธิ์ สังขพงศ์ หัวหน้าศูนย์ป้องกันการทุจริตเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทย  กล่าวว่า ศูนย์ป้องกันการทุจริตเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทย ก่อตั้งในวันที่ 18 เม.ย.2566 เพื่อจัดทำระบบไลน์ ออฟฟิศเชียล ให้ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคแจ้งเหตุทุจริตการเลือกตั้งได้อย่างรวดเร็ว แม่นยำ สามารถถ่ายรูป  แจ้งเหตุได้ทันที 

เมื่อศูนย์ฯ ได้รับเรื่องแล้ว จะตรวจสอบความร้ายแรงของเหตุ  โดยมีผู้เชี่ยวชาญในประเด็นข้อกฎหมาย ระเบียบ และแสวงหาหลักฐานต่างๆ ประกอบเรื่องที่ได้รับแจ้งเข้ามา เพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป ส่วนวิธีการตรวจสอบติดตามข้อมูลในเชิงลึกไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะเป็นยุทธวิธีการสอบสวนโดยบุคลากร และอุปกรณ์ที่มีความพร้อม 

ดังนั้น จึงขอฝากไปถึงพรรคการเมือง ฝ่ายปกครอง ตำรวจ ทหาร รวมถึง อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.)  ขอให้ทำหน้าที่อย่างถูกต้อง สมบูรณ์  ประชาชนทั้งประเทศ และผู้เกี่ยวข้องจะสรรเสริญ  แต่หากดำเนินการในทางที่ไม่ถูก ไม่ควร หรือไม่สุจริต ผลที่เกิดขึ้นจะตามมาอย่างแน่นอน  ไม่ว่าในรูปแบบใด ท่านจะไม่รอดสายตาของประชาชนไปได้ 

“ผมขอให้ความมั่นใจพี่น้องประชาชนทั้งประเทศ ผมจะทำหน้าที่ให้สมบูรณ์แบบที่สุด อย่างรวดเร็ว ฉับพลันทันที เรื่องของการทุจริตการเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทยยอมไม่ได้ เพราะเป็นการปล่นเสียงบริสุทธิ์ของพี่น้องประชาชน  ผู้ที่คิดจะทำ  ได้ไม่คุ้มเสียแน่นอน  

โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ของรัฐ ตามที่มีข่าวการเก็บบัตรประชาชน ผมขอให้เลิกทำ การกระทำเหล่านี้ จะเกิดขึ้นกับพี่น้องประชาชนไม่ได้ สิทธิ์การเลือกตั้ง  เป็นของท่านเอง  ไม่มีใครจะบังคับได้ ตนในนามพรรคเพื่อไทยขอเป็นกำลังใจ และขออยู่ข้างพี่น้องประชาชน”