กกต.กทม.จัดกิจกรรมเลือกตั้งสมานฉันท์ ผู้สมัคร 33 เขต ไม่ซื้อสิทธิขายเสียง

08 เม.ย. 2566 | 12:07 น.
อัปเดตล่าสุด :08 เม.ย. 2566 | 12:15 น.

กกต.กทม. จัดกิจกรรมเลือกตั้งเชิงสมานฉันท์ ผู้สมัคร ส.ส.กทม. 33 เขต ร่วมประกาศเจตจำนงสุจริต ซื้อสิทธิขายเสียง ทุกรูปแบบ

นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการปฏิรูปการเมืองสุจริตบนฐานของการเลือกตั้ง กิจกรรมการเลือกตั้งเชิงสมานฉันท์ ผู้สมัครรับเลือกตั้งส.ส. แบบแบ่งเขตเลือกตั้งทั้ง 33 เขตของกรุงเทพมหานคร   โดย นายขจิต ชัชวานิชย์ ปลัดกรุงเทพมหานคร ร่วมกิจกรรมดังกล่าว พร้อมด้วยผู้สมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้งในพื้นที่ กทม.ทั้ง 33 เขต จากหลายพรรคการเมืองเข้าร่วมอย่างคึกคัก
 

นายแสวง กล่าวว่า การจัดประชุมครั้งนี้ เป็นการให้ความรู้เกี่ยวกับกฎหมาย และระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง ซึ่งเปรียบเหมือนกรรมการทำความเข้าใจเรื่องกติกากับผู้แข่งขันก่อน เพื่อให้กระบวนการเลือกตั้งประสบความสำเร็จ และเป็นที่ยอมรับ ซึ่งสอดรับกับวิสัยทัศน์ สำนักงาน กกต. ที่ต้องจัดการเลือกตั้งให้เป็นที่ยอมรับทั้งในประเทศและสากล ทั้งนี้หากการเลือกตั้งเป็นไปอย่างสุจริตและเที่ยงธรรมก็จะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศต่อไป 

กกต.กทม.จัดกิจกรรม เลือกตั้งสมานฉันท์ ผู้สมัคร 33 เขต ไม่ซื้อสิทธิขายเสียง  

จากนั้นผู้สมัครจากทุกพรรคการเมืองร่วมกันประกาศเจตจำนงสุจริตในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง เขตเลือกตั้งที่ 1 - เขตเลือกตั้งที่ 33 กรุงเทพมหานคร ว่า “ข้าพเจ้า ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ขอประกาศเจตจำนงสุจริต ในการแข่งขันเลือกตั้ง

 1. ข้าพเจ้าจะพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครอง ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ข้อ 2. ข้าพเจ้าจะถือปฏิบัติตามกฎหมายเลือกตั้ง และระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด

ข้อ 3. ข้าพเจ้าจะแข่งขันเลือกตั้งตามกติกา รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย และรู้รักสามัคคี ข้อ 4. ข้าพเจ้าจะดำรงรักษาความเป็นมิตร เป็นเพื่อนบ้าน ความเป็นญาติ เป็นพี่เป็นน้องในท้องถิ่น ทั้งก่อนและหลังการเลือกตั้ง

ข้อ 5. ข้าพเจ้าจะไม่ร่วมมือหรือสนับสนุนการทุจริตเลือกตั้ง และซื้อสิทธิขายเสียง ทุกรูปแบบ และขอให้คำมั่นสัญญาว่าจะแข่งขันเลือกตั้งในครั้งนี้ให้เป็นเยี่ยงอย่างที่ดีของประเทศ รวมทั้งจะเป็นองคาพยพที่สำคัญในการพัฒนาการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขให้มั่นคง ยั่งยืนสืบต่อไป”