กกต.เปิดรับสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ หรือ ปาร์ตี้ลิสต์ ของพรรคการเมืองวันแรก ที่ศาลาว่าการ กทม. 2 บรรดาแกนนำพรรค ต่างนำทีมผู้สมัครร่วมลงสมัครลุ้นจับหมายเลข เสนอตัวผู้ชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
นายณัชพล สุพัฒนะ หรือ "มาร์ค พิตบูล" ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย นำทีม ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ หรือ ปาร์ตี้ลิสต์ ร่วมลงสมัคร โดยตนลงเป็นอันดับ 1 มีหัวหน้าพรรค นายประเสริฐ อภิปุญญา เป็นปาร์ตี้ลิสต์อันดับ 2, นายประสพ โกมลมาศ, พลตำรวจตรีสุริยะ อยู่เย็น และ นางสาวสุขุมาลย์ คุ้มรอด ตามลำดับ
โดยมาร์ค พิตบูล จับหมายเลขผู้สมัครส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ ได้หมายเลข 49 พร้อมนั่งแท่นแคนดิเดตนายกของพรรคฯ
ทั้งนี้ มาร์ค พิตบูล กล่าวว่า วันนี้เรามาเพื่อมีโอกาสได้แสดงจุดยืน อย่างน้อยก็ได้มีโอกาสเสนอตัว ไปเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง โดยอยากฝากพี่น้องประชาชนว่า "วันนี้เราเห็นพรรคการเมืองมานาน เราเปลี่ยนนายกฯ มาแล้วหลายคน แต่เราไม่เคยเปลี่ยนได้เลยคือตัวนักการเมือง เราเคยเห็นนักการเมืองเดิม ๆ ที่ยังผลัดเปลี่ยนหมุนเวียน ย้ายพรรคแล้วย้ายพรรคอีก เป็นมาแล้วทุกกระทรวงนะครับ แต่ประเทศเราก็ยังไม่มี อะไรเปลี่ยนแปลงได้จริง ๆ
วันนี้ผมอยากให้เราเปลี่ยนแปลงนักการเมือง ประเทศนี้จะเปลี่ยนแปลงได้ครับ มันไม่ได้เป็นเพราะว่าประชาธิปไตย มันไม่ได้เป็นเพราะรัฐธรรมนูญ แต่เป็นที่ประชาชน ไทยครับ ถึงเวลาที่เราต้องกล้าเปลี่ยนแปลง และลองของใหม่บ้าง ลองมองนะครับว่าวันนี้นักการเมืองหลายคนอยู่ในสภามาแล้ว 4-5 สมัย บางคนไม่เคยมีผลงานอะไรเลย แต่เขาก็ได้รับเลือกทุกครั้ง วันนี้ผมอยากให้ลองมองพรรคการเมืองใหม่ ๆ เพราะจริง ๆ แล้วพรรคการเมืองทุกวันนี้ ไม่ใช่สมบัติของตระกูลใดตระกูลหนึ่ง วันนี้การผูกขาด ความเป็นธรรม เป็นนักการเมืองเนี่ยอยู่ในไม่กี่ตระกูล
ถามว่าเราจะสู้พรรคใหญ่ได้เหรอ?.... เราคือพรรคเล็ก ๆ ที่จะทำได้ คือ เข้าไปเป็นฝ่ายตรวจสอบหรือไปเป็นฝ่ายนิติบัญญัติ ซึ่งโอกาสที่จะได้บริหารประเทศชาติคงเป็นเรื่องยาก เพราะพรรคใหญ่ ๆ เค้าใช้ปริมาณจำนวน ส.ส. ทำให้เขาสามารถเป็นฝ่ายบริหารได้ ซึ่งบางครั้งเราเห็นว่าจะมีแต่ปริมาณ เรื่องคุณภาพไม่มี ส.ส. บางทีเค้าอาจจะมีเป็น 100 คน แต่มีคนทำงานจริงอยู่ไม่กี่คน และมีคนพูดอยู่ในสภาไม่กี่คน คนที่มีก็จะเป็นโควตา มาตามโควตาการเมือง ส.ส. เค้าเยอะ ฉะนั้นวันนี้อยากให้ลองมองดูพรรคเล็ก ๆ โดยเฉพาะพรรคที่มีแนวคิด ที่กล้า คือ กล้าชน กล้าหาญ ครับ เพื่อให้โอกาสเข้าไปทำหน้าที่ตรวจสอบ
มาร์ค พิตบูล กล่าวอีกว่า วันนี้ปัญหาใหญ่ของประเทศเรา คือ การทุจริตคอร์รัปชัน วันนี้ไม่มีพรรคการเมืองใดกล้าพูดถึงเรื่องการคอร์รัปชัน มีแต่พูดถึงเรื่องการจะใช้เงิน ซึ่งมันหายากมาก ที่กล้าจะเข้ามาช่วยเรื่องการปราบคอร์รัปชัน วันนี้ผมอยากจะเรียกร้องครับ เพราะไหน ๆ ทุกท่าน ก็ลงทุนทางการเมืองเข้ามาแล้ว ผมอยากให้เรามาทำปฏิญาณร่วมกันได้ไหมครับว่า เราจะผลักดันเรื่องการปราบโกงให้เป็นวาระแห่งชาติและต้องทำให้ได้
สำหรับพรรคการเมืองที่บอกว่า เค้าทำแล้ว ทำต่อ ขออยู่ต่อ อยากจะถามครับว่าอยู่มาตั้งนานแล้วทำได้แค่นี้ จะอยู่ต่ออีกเหรอครับ?....ถ้าฝีมือมีแค่นี้ ควรจะพอนะครับผมว่า ส่วนใหญ่ประเทศที่เจริญแล้ว ผู้นำประเทศเค้าจะอยู่แค่ 2 สมัย เพื่อเปิดโอกาสให้ได้ลองของใหม่ ๆ บ้าง ถ้าอยู่มาขนาดนี้แล้ว ทำได้แค่นี้ หลายเรื่องที่รับปากไว้ไม่สำเร็จ จะอยู่ต่อไปเพื่ออะไร ใช่มั้ยครับ?? วันนี้เนี่ย GDP ไม่ได้โตเลย แต่ว่าหนี้โตขึ้นมาก
"จุดยืนของผมจะไม่เปลี่ยน วันนี้ คือ ผมอยากจะให้เห็นว่า มีนักการเมืองแบบนี้ที่กล้าพูดกล้าทำฮาร์ดคอร์ ถ้าอะไรที่มันเป็นผลประโยชน์ของชาติ ใครก็ห้ามผมไม่ได้ แม้กระทั่งประธานสภาผมก็ไม่สนครับ ถ้าผมพูดในสิ่งที่เป็นประโยชน์ของประเทศชาติ ใครจะมาท้วง ผมจะต่อยมันเองครับ" มาร์ค พิตบูล กล่าวปิดท้าย