กกต.แจงสั่งยุติ 61 คำร้องยุบพรรค ยึดตามกฎหมาย

17 มี.ค. 2566 | 10:41 น.
อัปเดตล่าสุด :17 มี.ค. 2566 | 10:55 น.

เลขาฯกกต. แจงสั่งยุติเรื่อง 61 คำร้องยุบพรรค ยึดตามกฎหมายไม่ใช่นายทะเบียนคิดเอง ชี้พบกระทำจริงตามร้อง แต่ส่วนมากไม่ใช่เหตุที่กฎหมายกำหนดให้ยุบพรรค เตือนนักร้องระวังเจอร้องเท็จ ต้องรับโทษหนัก

นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง ให้สัมภาษณ์กรณีมีความเห็นว่าคำร้องยุบพรรค 61 เรื่องไม่มีมูลจึงสั่งยุติเรื่อง ว่า การพิจารณาการยุบพรรคของนายทะเบียนพรรคการเมืองไม่ได้มีความซับซ้อนอะไร เพราะกฎหมายเขียนไว้ชัดเจนอยู่แล้ว ซึ่งต้องทำตามที่กฎหมายกำหนดเท่านั้น ถือเป็นเรื่องของกฎหมายพูด เป็นความยุติธรรมตามกฎหมาย ไม่ใช่นายทะเบียนคิดเอาเอง


 โดยหลักเมื่อความปรากฏต่อนายทะเบียนพรรคการเมือง ก็จะให้สำนักงานดำเนินการตามขั้นตอนของระเบียบ กกต.ว่าด้วยการรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานของนายทะเบียนพรรคการเมือง2564 ที่กำหนดว่าต้องให้โอกาสผู้เกี่ยวข้องได้มีโอกาสชี้แจงเพื่อให้ความยุติธรรมกับผู้ที่เกี่ยวข้องด้วย

จากนั้นจึงมาพิจารณาว่าการการกระทำนั้นกฎหมายกำหนดเป็นเหตุแห่งการยุบพรรคการเมืองหรือไม่ หลายคำร้องมีการกระทำตามที่ร้องเกิดขึ้นจริง แต่การกระทำนั้นไม่ใช่เหตุแห่งการยุบพรรคการเมืองก็จะไม่รับไว้พิจารณา หรือสั่งยุติเรื่อง
 

นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)

นายแสวง กล่าวต่อว่า แต่ถ้าพิจารณาแล้วการกระทำตามคำร้องนั้นอาจเป็นเหตุให้ยุบพรรคได้ก็จะรับไว้พิจารณาว่า การกระทำนั้นครบองค์ประกอบความผิดตามกฎหมายกำหนดไว้หรือไม่ หรือถึงขนาดให้ต้องยุบพรรคหรือไม่ ซึ่งก็แล้วแต่กรณี แต่ที่ผ่านมาพบว่าเป็นคำร้องที่ไม่เป็นเหตุแห่งการยุบพรรคเป็นส่วนมาก

หลังผู้ร้องยื่นคำร้องต่อ กกต.แล้ว ผู้ร้องมีสิทธิสอบถาม ติดตามเรื่องเพื่อขอทราบความคืบหน้าผลการดำเนินการได้ตลอดเวลา โดยทำเป็นหนังสือถึงสำนักงาน กกต. และเมื่อสำนักงานดำเนินการเสร็จสิ้น คือไม่รับเรื่องไว้พิจารณา ยุติเรื่อง หรือส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรคการเมืองแล้วแต่กรณี ก็จะมีการแจ้งผลให้แก่ผู้ร้องทราบ

“แต่อยากฝากว่าการเข้ามามีส่วนร่วมในการตรวจสอบพรรคการเมืองเป็นเรื่องที่ดีมาก แต่ก็ต้องคำนึงถึงมาตรา 101 ที่กำหนดให้ความคุ้มครองพรรคการเมืองด้วยเหมือนกัน คือ ผู้ใดแจ้งหรือกล่าวหาพรรคการเมืองหรือบุคคลใดกระทำความผิด

ตามพ.ร.ป.พรรคการเมืองต่อกกต. หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐโดยรู้อยู่ว่าเป็นความเท็จ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 1แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับและให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้นั้น แต่ถ้าการกระทำนั้นเป็นของพรรคการเมืองต้องได้รับโทษเป็น 2 เท่า และให้ กกต.ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคการเมืองนั้น และเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของหัวหน้าพรรคการเมืองและกรรมการบริหารพรรคการเมืองนั้น
 

ผู้สื่อข่าวถามว่าหลายคำร้องที่ยุติเรื่องเป็นกรณีกล่าวหาว่านายทักษิณ ชินวัตร ควบคุม ชี้นำ ครอบงำ พรรคเพื่อไทย จะมีผลต่อคำร้องทำนองเดียวกันที่มีการร้องในปัจจุบัน และอยู่ระหว่างการพิจารณาของกกต.หรือไม่

นายแสวง กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกัน เพราะแต่ละคำร้องจะมีข้อเท็จจริงที่แตกต่างกัน ซึ่งก็ต้องพิจารณาเป็นกรณีไป