"จุฑาพร เกตุราทร” จากเด็กเนิร์ดนักเรียนนอก สู่เส้นทางการเมือง

24 ม.ค. 2566 | 09:34 น.
อัปเดตล่าสุด :07 มี.ค. 2566 | 15:18 น.
4.5 k

อู๋ "จุฑาพร เกตุราทร” จากเด็กเนิร์ดนักเรียนนอก ตัดสินใจเข้าสู่เส้นทางการเมือง เพราะวลี “ย้ายประเทศกันเถอะ”

"หลังจากกลับมาจากต่างประเทศ ก็มีความตั้งใจจะทำงานสอน และได้เห็นความท้อแท้ ผิดหวังในตัวนักศึกษา ความกังวลว่าจบมาจะมีงานทำหรือไม่ ชวนย้ายประเทศกันเถอะ ทำให้ฉุกคิดว่า เกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทย"   

อู๋ จุฑาพร เกตุราทร ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เขตปทุมวัน พรรคเพื่อไทย เปิดใจเล่าถึงที่มาก่อนตัดสินใจเข้าสู่การเมือง กับ"ฐานเศรษฐกิจ"ว่า รู้สึกตกใจมาก เมื่อเจอคำถามจากเพื่อนๆคนไทยว่า “ใช้ชีวิตอยู่เมืองนอกก็ดีอยู่แล้ว กลับมาเมืองไทยทำไม เมืองไทยไม่เห็นน่าอยู่เลย”

หากดูถึงปูมหลัง ก็คงไม่น่าแปลกนักที่ “อู๋ จุฑาพร” จะตกใจกับทัศนะคติของคนไทยเช่นนี้ เพราะเธอใช้ชีวิตศึกษาอยู่ที่ต่างประเทศ เป็นเวลานาน ทั้งระดับปริญญาตรี สาขาบริหารธุรกิจ และเศรษฐศาสตร์ (เกียรตินิยมอันดับ 1 เหรียญทอง) ที่มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ลอสแอนเจลิส (UCLA) สหรัฐอเมริกา และระดับปริญญาโท อีก 2 ใบ คือ สาขานโยบายสาธารณะ มหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ด สหราชอาณาจักร และสาขาสิทธิมนุษยชน มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย สหรัฐอเมริกา

อู๋ จุฑาพร”กล่าวกับ"ฐานเศรษฐกิจ"ว่า เธอยังคงมองเห็นศักยภาพของประเทศไทยว่า สามารถพัฒนาให้มีความก้าวหน้าและเจริญได้เทียบเท่าต่างประเทศที่เคยพบเจอมา

จากการทำงานเมื่อครั้งที่เป็นเศรษฐกร ด้านนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย หลังจบปริญญาตรีจาก UCLA และได้มีโอกาสเป็นที่ปรึกษาประธานกรรมาธิการ การเงิน การคลัง สถาบันการเงินและตลาดการเงิน รัฐสภา ทำให้ได้เห็นว่า กว่าที่รัฐบาลจะออกมาตรการต่างๆออกมาเพื่อช่วยเหลือประชาชนได้ ต้องใช้เวลาผ่านนาน จนอาจไม่ทันกับความเดือดร้อนของประชาชน

 

จุดนี้ทำให้สนใจศึกษาต่อด้านนโยบายสาธารณะ และด้านสิทธิมนุษยชน แต่เมื่อได้กลับมาเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย ก็ได้พบปัญหาใหม่ของคนรุ่นนี้ว่า มีความสิ้นหวังท้อแท้กับประเทศของตัวเอง และกังวลกับอนาคตหลังเรียนจบ จนถึงขั้นเป็นโรคซึมเศร้า

อู๋ จุฑาพร เกตุราทร

เมื่อมองเห็นปัญหา เธอจึงตัดสินใจจะลงมือสร้างการเปลี่ยนแปลงด้วยตัวเอง ในฐานะว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เขตบางรัก สาทร ปทุมวัน เมื่อได้รับการทาบทามจากผู้ใหญ่ของพรรคการเมือง ซึ่งเธอมีความเชื่อมั่นในการดำเนินนโยบายเป็นพื้นฐานเดิมอยู่แล้ว นั่นก็คือ พรรคเพื่อไทย

แม้จะมองเห็นว่าการเมืองไทยเป็นเหมือนขึ้นรถไฟเหาะตีลังกา ที่มีความเสี่ยงสูง และอาจต้องเจอกับการรัฐประหาร และเรื่องวาทกรรมใส่ร้ายป้ายสีก็ตาม

ถึงแม้จะเป็นหน้าใหม่บนเส้นทางการเมือง แต่"อู๋ จุฑาพร" ยืนยันในความมุ่งมั่น และพร้อมให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า พร้อมนำเอาทุกปัญหาของชาวบ้านในพื้นที่มาแก้ไข แม้บางครั้งไม่สามารถทำได้ในเวลาอันรวดเร็ว แต่เธอจะไม่วางปัญหาของชาวบ้านทิ้ง

นอกจากนั้น ยังต้องการสร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้กับ"ผู้แทนราษฎร" ที่จะต้องไม่ใช่อภิสิทธิ์ชนที่ไปเฉพาะงานบวช งานศพเท่านั้น แต่จะต้องเป็นตัวแทนของประชาชน ทำงานตอบแทนภาษีประชาชนอย่างแท้จริง

"อู๋ จุฑาพร"มีภาพฝันที่ประเทศไทยจะมีความเท่าเทียมในทุกมิติ ทั้งในด้านสังคม ที่แม้การสมรสเท่าเทียมก็ยังมีกลุ่มคนต่อต้าน ในขณะที่ต่างประเทศล้วนมอบความเท่าเทียมนี้ให้กับมนุษย์ทุกเพศแล้ว โดยไม่มีข้อเสียอะไรเกิดขึ้นเลย รวมถึงความเท่าเทียมด้านโอกาส การทำมาหากิน และเศรษฐกิจที่ต้องฟื้นตัวดีขึ้น

ภาพฝันของ"อู๋ จุฑาพร"จะเป็นจริงได้ ด่านแรกเธอต้องได้รับโอกาสจากประชาชน ไม่เพียงเท่านี้ พรรคเพื่อไทย ก็ต้องได้รับโอกาสเป็นพรรครัฐบาลด้วย โดยเชื่อมั่นว่า นโยบายเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทยทุกด้าน จะทำให้ประเทศไทยทัดเทียมต่างประเทศที่เคยไปศึกษาเล่าเรียนอยู่ได้ อย่างแน่นอน