ดร.เอ้ "สุชัชวีร์" กับ 1 ปี บนเส้นทางการเมือง โชว์กึ๋นผ่าตัดประเทศไทย

04 ม.ค. 2566 | 08:08 น.
อัปเดตล่าสุด :07 มี.ค. 2566 | 15:19 น.
813

คุยกับ"เอ้ สุชัชวีร์" จากวิศวกรสู่การเมืองอ้อมอกประชาธิปปัตย์ครบ 1 ปี โชว์กึ๋นผ่าตัดประเทศไทย ปรับโครงสร้างพัฒนาคน-เศรษฐกิจ

“ฐานเศรษฐกิจดิจิทัล” ชวน ดร.เอ้-สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ผู้สละเก้าอี้อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง(สจล.) กระโดดเข้าสู่สนามเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์ ที่หลายคนคุ้นเคยกับลีลาการสื่อสารสไตล์ The Disruptor เมืองไทย  แลกเปลี่ยนมุมมอง แนวคิด และการทำงานการเมืองในบทบาทปัจจุบัน 

ดร.เอ้-สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์

ต้องบอกไว้ก่อนว่าในบทสนทนานี้ มีเรื่องที่น่าสนใจที่ทำให้เรื่องเหล่านี้กลายเป็นเรื่องใกล้ตัวเรากว่าที่เคย

คนส่วนหนึ่งจดจำเขาในบทบาทวิศวกรเมือง นักการศึกษา ที่ต้องการสร้างความเปลี่ยนแปลง เราอาจเคยเห็นเขาเสนอวิธีการแก้ปัญหาน้ำท่วมกรุงเทพฯ โดยเฉพาะ “แก้มลิงใต้ดิน” และการปฎิรูปการศึกษาเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ แต่แม้จะตะโกนแค่ไหน เสียงก็ไม่ได้ดังพอที่จะไปถึงหูของผู้รับผิดชอบ

 

“การทำงานที่ผ่านมามีบทบาทในวิชาชีพ ก็ได้แต่ตะโกน เสียงเบาๆ ไม่ว่าจะเป็นการแก้ปัญหาน้ำท่วม ว่าจะต้องทำแก้มลิงใต้ดิน แก้ปัญหาการศึกษาต้องพัฒนาเยาวชน ต้องยกเครื่องเศรษฐกิจใหม่ แต่ก็คงมีหนทางเดียวสำหรับมืออาชีพที่พอจะใช้พลังของตัวเองเปลี่ยนแปลงประเทศได้คือเส้นทางทางการเมือง”

 

แทบจะตลอดชีวิตของ ดร.เอ้ ทำงานอย่างโชกโชน สร้างความเปลี่ยนแปลงในหลากหลายแวดวง จนมาจบที่เส้นทางการเมือง จากศึกเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ที่เขาบอกว่า  “ถึงจะแพ้แต่ก็ไม่เลิก”

ดร.เอ้ \"สุชัชวีร์\" กับ 1 ปี บนเส้นทางการเมือง โชว์กึ๋นผ่าตัดประเทศไทย

 

“งาน กทม. เป็นงานเทคนิคด้านวิศวกรรม เช่น แก้ปัญหาน้ำท่วม รถติด ฝุ่น PM 2.5 ปัญหาผังเมือง ตึกถล่ม ป้ายล่ม สายไฟฟ้าลงดิน ซึ่งเราก็พัฒนาตนเองในด้านนี้ เป็นวิศวกรวิชาชีพ ทำเรื่องการศึกษามาทั้งชีวิต ส่วนเรื่องสาธารณสุขก็ทำโรงพยาบาล ทุ่มเพื่องานนี้จึงลาออก จาก 21 ตำแหน่ง แต่เมื่อไม่ได้ ก็ไม่ได้คิดอะไรนอกจากให้กำลังใจท่านผู้ว่าฯ ส่วนอนาคตจะลงสมัครอีกไหมยังตอบไม่ได้ แต่วันนี้ได้เข้าสู่เส้นทางการเมืองครบ 1 ปีแล้ว”

บทบาททางการเมืองคือสิ่งที่เขาใฝ่ฝันตั้งแต่เด็ก พร้อมให้นิยามว่า “งานการเมืองคืองานบริหาร ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ” แถมยังให้เหตุผลที่ตัดสินใจเข้าร่วมกับประชาธิปัตย์ ว่า เพราะพรรคมีโครงสร้างที่ไม่มีเจ้าของ ไม่มีการครอบงำ เป็นประชาธิปไตยแบบอินไซด์เอาท์ กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญโดยเฉพาะมุมมองทางการเมือง ที่อยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ การเมืองแบ่งข้างชัดเจน จะทำอย่างไรให้ละลายการแบ่งข้าง ถือเป็นเรื่องที่ท้าทายมาก

ดร.เอ้ \"สุชัชวีร์\" กับ 1 ปี บนเส้นทางการเมือง โชว์กึ๋นผ่าตัดประเทศไทย

 

แต่สิ่งที่สำคัญไปกว่านั้นคือ Passion ที่เขาตั้งใจเปลี่ยนประเทศให้ดีขึ้น หากวันหนึ่งมีโอกาสได้ขึ้นเป็นผู้นำ จะผลักดัน 2 นโยบาย คือ "โครงสร้างการพัฒนาคน" และ "โครงสร้างเศรษฐกิจไทย"

 

ผมมีความมุ่งมั่นต้องการเปลี่ยนโครงสร้างประเทศ โดยเฉพาะการพัฒนาคน เพราะเป็นต้นเหตุของปัญหาทุกอย่าง เราทำเรื่องนี้มานานแล้วรู้ว่าต้องทำอย่างไร ต้องมีกระทรวงเศรษฐกิจ เพราะในอนาคตเศรษฐกิจไทยจะมีเครื่องจักรใหม่คือ พัฒนาอุตสาหกรรมขั้นสูง ก็ต้องผลิตคนที่มีคุณภาพ ต่อมาคือปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ ไม่อยากให้ไทยพึ่งพาแต่การท่องเที่ยวเท่านั้น แม้เราจะโชคดีมีเครื่องจักรนี้โดยกำเนิดก็ตาม แต่ตัวเดียวเอาไม่อยู่ ต้องมองหาเทคโนโลยีเข้ามาเพื่อให้ไทยเป็นต้นน้ำของสินค้ามูลค่าสูง”

 

สิ่งที่หลายคนอาจเคยได้สัมผัสคือ "บทบาทของนักการเมืองหน้าใหม่" ที่ผ่านมาอาจสะท้อนผ่านการแสดงออกทางการเมืองหลากหลายรูปแบบต่างๆ ซึ่งใน “เกมการเมือง” คนเหล่านี้เป็นพลังที่น่าจับตา แต่คำถามคือ จะเอาอะไรไปสู้ ส.ส.หน้าเก่า ?

 

“นักการเมืองหน้าใหม่เยอะๆ ก็ดี ทำให้การเมืองสดชื่น ดูมีความหวัง การเมืองต้องมีแบบนี้ แต่ไม่ใช่ว่าใหม่แต่หน้านะ ต้องมีความมืออาชีพ สำหรับเราไม่ได้หน้าใหม่สำหรับสังคม เพราะเรามีบทบาทต่างๆมากมาย”   

 

เส้นทางชีวิตของ ดร.เอ้ เป็นทั้งวิศวกรเมืองและ Disrupter นักการเมือง ที่มุ่งมั่นสร้างความเปลี่ยนแปลงให้คนเมืองมีวิถีชีวิตที่ดีขึ้น และสิ่งที่ตั้งใจมาตลอดอีกอย่างก็คือ หยุดปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากให้กับกรุงเทพมหานคร

 

ดร.เอ้ ทิ้งท้ายว่า เพราะเขาก็เป็นคนหนึ่งที่ประสบภัยน้ำท่วมแถวบ้านทุกครั้งที่ฝนตก จึงเข้าใจหัวอกของคนที่ต้องเจอเรื่องนี้อยู่ตลอด และในฐานะที่เป็นวิศวกรเมือง ต้องการเห็นการแก้ปัญหานี้อย่างจริงจัง 

 

“การแก้ปัญหาน้ำท่วมจะแก้แบบเดิมไม่ได้ อย่างแรกคือ ความเชื่อที่ว่าลอกคูคลอง ไม่ทิ้งขยะ จะช่วยไม่ให้น้ำท่วมนั้น ช่วยได้แค่บางส่วน วิธีคือต้องหยุดน้ำท่วมตรงจุดนั้นให้ได้ เราเห็นชัดเลยว่า น้ำท่วมจะเป็นกระจุก ไม่ว่าจะเป็น จตุจักร รามคำแหง สุขุมวิท ตอนนี้มีแหล่งใหม่ใกล้บางนา เมื่อรู้ว่าที่ไหนเป็นจุดตายของ กทม. ก็ควรทำแก้มลิงใต้ดิน เพื่อดึงมวลน้ำในช่วงฝนตกลงไปเก็บใต้ดินเพื่อรอระบายลงคลองในภายหลัง เพราะสามารถแก้ปัญหาน้ำท่วมได้จริง ในอนาคตจะมีผู้ว่าฯ กทม.กี่คนก็ควรทำ ใช้งบประมาณถูกมาก แต่ใช้งานได้นาน นี่จะเปลี่ยนประเทศไทยโดยสิ้นเชิง”

 

นี่คือเส้นทางการเมืองตลอดระยะเวลา 1 ปี ของ ดร.เอ้-สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ที่เขาบอกว่าชีวิตที่เหลือขอทุ่มแบบสุดตัวให้กับการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างของประเทศ เพราะนอกจากเขาจะเชื่อ “พลังของประชาชน” ก็ยังเชื่อว่าการเมืองเป็นส่วนสำคัญ ชี้วัดว่าประเทศจะดีขึ้นหรือแย่ลง ดังนั้น คนที่เข้ามาทำงานการเมืองต้องเป็น "มืออาชีพ" ไม่อย่างนั้นก็จะทำแบบสุกเอาเผากิน ฉาบฉวย หรืออาจจะผูกปมปัญหาใหม่ขึ้นมาอีก